ชาวบ้านที่เพชรบูรณ์ โผล่แจ้งความ ถูกนำชื่อไปเข้าพักโรงแรมในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เที่ยวไปถึง 15 ครั้ง จนเต็มสิทธิ์ ทั้งที่ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย เกรงจะเสียสิทธิ์ "เราชนะ"
วันที่ 5 ก.พ. ร.ต.อ.สานนท์ จันทร์จินดา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งจากนางสุปราณี พูลมา อายุ 40 ปี ชาวบ้าน ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์ และนางแอ๊ด เด็ดแก้ว อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/2 ถ.พุทธบาท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ว่า ถูกนำชื่อไปใช้สิทธ์เข้าพักโรงแรมในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งที่ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนเลย
โดย นางสุปราณี พูลมา ได้เล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 ขณะกำลังนั่งเล่นอยู่ที่บ้านของนางแอ๊ด ได้มีหญิงสาวในหมู่บ้านไม่ทราบชื่อจริงแต่เรียกเพียงว่า หล้า ได้เข้ามาแจ้งกับตนทั้งสองว่าจะขอถ่ายเอกสารบัตรประชาชนไปลงทะเบียนโครงการของรัฐโครงการหนึ่ง ถ้าหากผ่านจะได้เงิน 150 บาท ตนและเพื่อนบ้านอีกคน พร้อมด้วยนางแอ๊ดก็ให้สำเนาเอกสารไป สักพักหญิงคนดังกล่าวกลับมาแจ้งว่าลงทะเบียนผ่านเพียงคนเดียวคือนางแอ๊ด และมอบเงินให้นางแอ๊ด 150 บาท ส่วนตนและเพื่อนบ้านอีกคนนั้นไม่ผ่าน
กระทั่งผ่านมาหลายเดือน จนเมื่อวานนี้ ลูกสาวของตนได้ไปลงทะเบียน เราชนะ กลับพบว่าตนมีชื่อลงทะเบียนในโครงการเที่ยวด้วยกันแล้ว และไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะอีก ทำให้ตนตกใจเพราะเพิ่งลงทะเบียนเป็นครั้งแรก จึงได้ตรวจสอบที่ธนาคารกรุงไทย ทราบว่าชื่อของตนได้ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว และได้ใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวไปถึง 15 ครั้ง จนเต็มสิทธิ์แล้ว ตนจึงรีบมาแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพราะเกรงว่าจะเสียสิทธิ์โครงการเราชนะ
ขณะที่นางมุกดา พานำมา อายุ 29 ปี ลูกสาวของนางแอ๊ด กล่าวว่า แม่ไม่เคยเข้าโครงการรัฐหรือได้รับเงินใดๆ เลยไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการรัฐ หรือโครงการคนละครึ่ง ก็ไม่เคย เพราะไม่มีโทรศัพท์และเป็นผู้สูงอายุ ได้รับก็เพียงเงินผู้สูงอายุเท่านั้น การที่ได้ไปใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวเต็มสิทธิ์ไปแล้วสร้างความกังวลใจให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนต่างคิดว่าจะเสียสิทธิ์ในการได้รับการช่วยเหลือในโครงการเราชนะ เพราะแม่มีประวัติไปเที่ยวและใช้สิทธิ์จนครบแล้วอาจถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ที่มีฐานะดี ไม่ได้เดือดร้อนจริง และอาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ
...
ทั้งนี้ นอกจากแม่ของตนแล้ว ทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย แต่ไม่กล้ามาแจ้งความ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย