คนเขียนมาเล่าความเดือดร้อน ช่วงผ่านมา เกิดหมอกควันลอยปกคลุมไปทั่ว ต.เวียงต้า จ.แพร่ ตลอดทั้งวัน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากชาวบ้านลักลอบเผาไร่เผาสวนในตอนกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเห็น ทำให้ในตอนเช้า มีหมอกควันปกคลุมไปทั่ว ต.เวียงต้า ชาวบ้านหลายคนในตำบลเริ่มป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ

มีเศษฝุ่น ขี้เถ้า ใบไม้จากเผาป่าปลิวลอยมาเข้าบ้านเรือนประชาชน เกิดความสกปรก ปัญหาได้เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีโดยไม่ได้รับการแก้ไข สาเหตุอีกส่วนหนึ่งมาจากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบใน ต.เวียงต้าทุกระดับ เช่นเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์ป่าและตำรวจที่ ปล่อยปละละเลย

ไม่สนใจแก้ไขปัญหา

ยังเกี่ยงหน้าที่กัน ทั้งที่ควรจะต้องร่วมมือหามาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน เพราะปัญหา “หมอกควัน” ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศเป็นปัญหาระดับชาติ โดยเฉพาะเทศบาล ต.เวียงต้า ที่มีญาติพี่น้องส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำไร่ทำสวน ที่มักจะเผาทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่เพาะปลูก กลัวมีปัญหาพวกกันเองอาจเสียฐานเสียง

กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้แต่พูดลอยลมขอร้องลูกบ้านไม่ให้เผาป่าตามที่ส่วนกลางสั่งมา แม้จะรู้ตัวคนผิด ไม่เคยประสานหรือแจ้งตำรวจจับกุม เพราะเกรงว่าจะผิดใจกับลูกบ้าน ทำให้เสียฐานเสียง มีปัญหายุ่งยากตามมา

คนที่ร้องบอกว่า มีชาวบ้านหลายคนได้แจ้งที่ สภ.เวียงต้า ว่าพบเห็นการเผาป่าในพื้นที่ แต่ตำรวจกลับอ้างว่า ถ้าไม่เห็นผู้ที่จุดไฟเผาอย่างชัดเจนไม่รู้จะไปจับใคร แถมยังพูดผลักภาระมาให้ชาวบ้านผู้แจ้งว่า ต้องไปถ่ายรูปคนที่กำลังจุดไฟเผามาเพื่อเป็นหลักฐานมาก่อน ถึงจะจับกุมได้

แต่กรณีชาวบ้านเผาขยะ เศษกิ่งไม้ ใบไม้ที่ตกหล่นและวัชพืช เพื่อทำความสะอาดในบ้าน ตำรวจ กลับรีบเข้าไปจับกุม เพราะง่ายดีไม่ต้องสืบสวน เผา ขยะในบ้านใครเอาผิดเจ้าของบ้าน อ้างกฎหมายสิ่งแวดล้อม

...

ก่อให้เกิดมลพิษในชุมชน

คนร้องเล่าอีกว่า การเผาขยะในบ้านเป็นกิจกรรมประจำวันที่ต้องการทำความสะอาดในพื้นที่ของบ้านส่วนตัว และทำให้เกิดควันเล็กน้อย เทียบไม่ได้เลยกับเผาทำลายป่าและเผาหญ้าข้างทาง ซึ่งกินบริเวณกว้างนับสิบไร่ บางครั้งการจับกุมไม่ได้ทำสำนวนดำเนินคดี ส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน โดยอาศัยความไม่รู้กฎหมายของชาวบ้าน

กลุ่มรักษ์เวียงต้า เคยเสนอวิธีแก้ปัญหาผู้บริหาร ต.เวียงต้าหลายครั้ง เช่น ควรจัดการอบรมให้ความรู้แก่ชาวบ้านและแนะนำหาวิธีอื่นๆที่เหมาะสมแทนการเผาถางป่า เสนอให้ตั้งกลุ่มสายลับประจำแต่ละหมู่บ้าน คอยสอดส่องหาเบาะแสผู้กระทำผิดและให้รางวัลนำจับ แต่ผู้บริหารไม่เคยตอบสนอง อ้างว่าไม่มีงบประมาณ

ปัญหาเผาป่าคงอยู่ตามยถากรรม.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th