ภาพมุมสูง ศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง ถูกโอบล้อมด้วย ดอยพระบาท ดอยม่อนพญาแช่ และ ดอยม่วงคำ เป็นพื้นที่สีแดงที่เกิดเหตุไฟป่าซ้ำซาก ทำให้มีควันพิษปกคลุม.
ทุกปีเมื่อถึงช่วงหน้าแล้งปัญหาที่ตามมาคือ “ไฟป่า” ทั้งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติและเกิดขึ้นด้วย “ฝีมือมนุษย์” แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันขนาดไหน แต่ด้วยสภาพพื้นที่ป่าเป็นดอยสูงชัน ภูเขาสลับซับซ้อน ทำให้ยากต่อการดูแล
ส่งผลให้หลายจังหวัดของภาคเหนือตกอยู่ในสภาพ “เมืองในหมอก” ค่า PM 2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐานและยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนด้วย
...
“ดอยม่อนพญาแช่, ดอยพระบาท, ดอยม่วงคำ” จังหวัดลำปาง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องประสบปัญหาไฟป่ามาทุกปี กลายเป็นปัญหาซ้ำซากและกลายเป็นโจทย์สำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางคนใหม่ ที่หลายคนฝากความหวังไว้
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ลำปาง กล่าวว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2562 บูรณาการทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการป้องกัน
รวมทั้งระดมสรรพกำลังเพื่อเฝ้าระวัง ให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ตามแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน “4 พื้นที่ 5 มาตรการบริหารจัดการ”
ประกอบด้วย เฝ้า “พื้นที่เกษตร” หากพบเกษตรกรรายใดทำการเผาแล้วลามไปยังพื้นที่ป่าสงวน/ป่าอนุรักษ์ หากมีความเสียหายเกิดขึ้น ให้ขึ้นบัญชีและรายงานหน่วยเหนือ ให้พิจารณางดการช่วยเหลือทุกกรณี
หากเป็นเกษตรกรที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เป็นคนเผาป่าแล้วลุกลามเกินกว่า 20-30 ไร่ จะพิจารณาให้ยึดที่คืนอย่างเด็ดขาด และรายชื่อจะถูกขึ้นบัญชีเป็นคนเฝ้าจับตามองพฤติกรรมตลอดไป
...
เข้ม “พื้นที่ป่า” พร้อมจับตาคนหาของป่ากว่า 4,476 คน โดยประกาศควบคุมห้ามเข้าไปดําเนินกิจกรรมใดๆในเขตป่า หากมีความจําเป็นให้ไปขอรับอนุญาตได้ที่กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยหน่วยงานป่าไม้จะได้ทําเอกสารขออนุญาตเข้าป่า มีการกําหนดวันเข้า-ออก และเหตุผลความจําเป็นไว้
สำหรับภารกิจเฝ้าระวังไฟป่าในพื้นที่ ดอยม่อนพญาแช่, ดอยพระบาท, ดอยม่วงคำ นั้นไม่ได้ล้มเหลวตามที่มีการพูดกัน จริงๆแล้ว ภารกิจประสบผลสำเร็จจากการร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้ไฟป่าไม่มีแล้วใน 3 พื้นที่แห่งนี้
คุม “ห้ามออกนอกพื้นที่” นายอําเภอและหัวหน้าส่วนราชการ ต้องอยู่ประจําในพื้นที่ โดยเฉพาะวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เนื่องจากข้อมูลพบว่ามีการเผาเกิดขึ้นมากในช่วงเวลาดังกล่าว
...
จับ “ปรับ จริง” มาตรการบังคับใช้กฎหมาย มีการจับกุมผู้กระทําผิด ทั้งที่ดําเนินคดีหรือทําการปรับ รวมสะสม 59 ราย ต้องบอกว่าตอนนี้เรามาถูกทางแล้ว
“จากผลการปฏิบัติงานของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องภายหลังมีการปรับแผนให้ตรงกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นทำให้จุดความร้อน Hot Spot ในพื้นที่มีแนวโน้มลดลง ค่า PM 2.5 ลดระดับลงอยู่ในค่าต่ำกว่าสีแดง และยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
พร้อมกับเผยอีกว่า ปีนี้ได้รับความร่วมมือจาก กองทัพภาคที่ 3 สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์
พร้อม กำลังพลลาดตระเวน และ จิตอาสาพระราชทาน 904
...
ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง บางกลุ่มนอนพักแรมตามป่าไม่ต่ำกว่า 3 คืน และแบ่งเวรออกลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน หากพบเกิดไฟป่าที่เป็นแนวกว้างก็จะขอกำลังทหาร มทบ.32 ลำปาง มาเสริมทันที
มาตรการห้ามเผาเด็ดขาด หรือ 60 วันห้ามเผาของ จ.ลำปาง ห้วงระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.ประชาชนมีสุขภาพดี ลดอัตราการเจ็บป่วยสาเหตุจากหมอกควันลงร้อยละ 70 จุดความร้อน Hot spot ลดลงร้อยละ 50 ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงร้อยละ 50
สรุปแล้ว สถานการณ์ไฟป่าของ จ.ลำปาง ณ เวลานี้ ลดลงทุกแห่งทั้ง 13 อำเภอในทุกๆ 2 วัน ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบแต่ละพื้นที่ของทุกอำเภอ และร่วมประชุมกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบุคคลหาของป่าแต่ละอำเภอมาร่วมหารือด้วย
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่าทางจังหวัดไม่ได้ขึ้นบัญชีเป็นคนเผาป่าแต่อย่างใด แต่เชิญมาเป็นหูเป็นตาหากพบใครก็ตามที่มาในเขตป่าก็จะได้ตักเตือนซึ่งกันและกัน และยืนยันว่าลำปางวันนี้ไร้หมอกควันไปแล้ว
“ผมในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ขอกราบขอบคุณหน่วยงาน อปท. กำนัน - ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน จิตอาสา และสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนภารกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม”
นี่คือความร่วมมือร่วมใจของทุกหน่วยงานและทุกคน ที่ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ลำปาง ภาคภูมิใจ.
ผสม ติดธรรม