รมว.เกษตรฯ สั่งการด่วน กรมชลฯตัดยอดน้ำยม ที่หลากจาก จ.แพร่ ผันสู่ทุ่งบางระกำ ป้องกันน้ำท่วมเมืองสุโขทัย ด้านอธิบดีกรมชลฯ เผย เตรียมพร้อมแผนบริหารจัดการน้ำ เครื่องจักร-เครื่องมือ รับมวลน้ำ ไม่ให้ท่วมเขตชุมชน รักษาพื้นที่เศรษฐกิจ-เกษตร

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.62 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ได้สั่งการด่วนที่สุดไปยังอธิบดีกรมชลประทาน ให้ป้องกันอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นใน อ.เมือง จ.สุโขทัย จากภาวะน้ำยมที่หลากมาจาก จ.แพร่ หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุโพดุล กำชับให้ป้องกันตัวเมืองสุโขทัยให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมชลประทานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำยมและลำน้ำสาขาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังไหลมายังที่ อ.ศรีสัชนาลัย คาดว่าระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ น้ำจะสูงสุดในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เวลาประมาณ 02.00-03.00 น. ซึ่งจำเป็นต้องผันน้ำส่วนหนึ่งเข้าไปทุ่งบางระกำรับมวลน้ำ เพื่อให้น้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองสุโขทัยไม่เกิน 550 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ขณะนี้สำนักชลประทานที่ 4 ได้ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยให้รับและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ปริมาณน้ำสูงสุดของแม่น้ำยมที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ Y.37 อ.วังชิ้น จ.แพร่ เมื่อเวลา 11.00-12.00 น. วันที่ 2 ก.ย.นี้ อยู่ที่ไม่เกิน 1,100 ลบ.ม./วินาที จากนั้นจะไหลมายังสถานี Y.14 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยมีปริมาตรน้ำสูงสุดไม่เกิน 1,000 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในคลองยม-น่าน และแม่น้ำยมสายเก่า พร่องน้ำในแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง เพื่อรองรับการตัดยอดน้ำในแม่น้ำยม 

...

ขณะที่ นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จะผันน้ำเข้าไปกักเก็บที่พื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 382,000 ไร่ รับน้ำได้ประมาณ 550 ล้าน ลบ.ม. การตัดยอดน้ำดังกล่าวจะทำให้น้ำไหลผ่านเมืองสุโขทัยในอัตราไม่เกิน 550 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดที่ลำน้ำบริเวณนั้นรับได้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลหนัก เครื่องสูบน้ำ ให้พร้อมปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา หากเกิดน้ำท่วมขังในเขตชุมชน พื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่การเกษตร อีกทั้งได้แจ้งข้อมูลแก่ทาง จ.สุโขทัย อย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ และเตรียมรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ส่วนการบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อตัวเมืองสุโขทัยนั้น กรมชลประทานได้วางแผนในการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำยม เมื่อน้ำจากตอนบนไหลลงมาถึงบริเวณหน้าประตูระบายน้ำ (ปตร.) หาดสะพานจันทร์ หน่วงน้ำไว้บริเวณหน้า ปตร. และผันน้ำส่วนหนึ่งเข้าคลองยม-น่าน ผ่านทางประตูระบายน้ำคลองหกบาท ในอัตรา 250-350 ลบ.ม.ต่อวินาที ก่อนจะผันน้ำไปลงแม่น่านผ่าน ปตร.ยม-น่านในอัตรา 100 ลบ.ม.ต่อวินาที รวมทั้งผันลงแม่น้ำยมสายเก่าผ่าน ปตร.ยมเก่า อีกประมาณ 150-250 ลบ.ม.ต่อวินาที พร้อมกันนี้จะควบคุมปริมาตรน้ำให้ไหลผ่าน ปตร.หาดสะพานจันทร์ในอัตราสูงสุดไม่เกิน 650-710 ลบ.ม.ต่อวินาที จากนั้นจะผันน้ำเข้าคลองเล็กทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำยมในอัตราสูงสุดรวมไม่เกิน 160 ลบ.ม.ต่อวินาที น้ำส่วนหนึ่งจะตัดเข้าคลองตาดินและคลองบางคลอง ไปเก็บกักไว้ในทุ่งทะเลหลวง รวมไปถึงแก้มลิงต่างๆ ที่ยังสามารถรับน้ำได้ ทั้งนี้เพื่อควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านตัวเมืองสุโขทัย (สถานี Y.4) ในอัตราสูงสุดไม่เกิน 550 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย.