ช่วงที่ทีมหมูป่า 13 คนติดอยู่ในถ้ำหลวง จนถึงช่วงพาออกจากถ้ำ มีข่าวลือมากมาย วันนี้ทั้ง 13 คนออกมาพูดเรื่องจริงกระจ่างชัดผ่านการถ่ายทอดสด รวมถึงนาทีชีวิตที่ต้องอยู่รอดให้ได้ภายใต้ความมืดมิด

รายการเดินหน้าประเทศไทย วันนี้ (18 ก.ค.) ตอนพิเศษ ที่ออกอากาศพร้อมกันทุกช่อง เป็นรายการแถลงข่าว และเปิดใจทีมหมูป่าอะคาเดมี ทั้ง 13 คน ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อกลับบ้าน หลังจากติดอยู่ในถ้ำหลวง รวม 17 วัน และอยู่โรงพยาบาลจนถึงวันนี้

การเปิดใจครั้งนี้จัดที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินรายการ ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00-19.25 น. ท่ามกลางสื่อมวลชนติดตามทำข่าวจำนวนมาก

นอกจากการถามถึงการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่รู้ว่าติดถ้ำ ที่แต่ละคนสามารถตอบคำถามถึงการตั้งสติ การคิดอย่างมีความหวัง ว่าต้องออกจากถ้ำได้ แม้จะอยู่ท่ามกลางน้ำที่ไหลบ่า มีดินโคลนเป็นอุปสรรคในการออกจากถ้ำ

ยังมีความจริงที่สรุปได้จากปากของทั้ง 13 คน จากที่ก่อนหน้านี้ ภายนอกถ้ำเต็มไปด้วยข่าวลือ

...

ประเด็นที่ลือช่วงแรกว่า ทั้ง 13 คนตั้งใจจะเข้าไปในถ้ำ เพื่อค้างคืน และจัดงานวันเกิดให้สมาชิกในทีมหมูป่า ประเด็นนี้ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก บอกว่า ความจริงคือตั้งใจเข้าไปแค่ 1 ชั่วโมง เพราะต้องไปส่งน้องในทีมหมูป่าไปเรียนพิเศษตอน 5 โมงเย็น ไม่ได้เข้าไปจัดงานวันเกิดแต่อย่างใด

แต่ในสถานการณ์ที่ทำให้ต้องติดอยู่ในถ้ำเป็นเพราะว่า เมื่อเข้าไปได้สักพัก มีน้ำไหลเข้าถ้ำมาจำนวนมาก จนต้องตัดสินใจรอ และต้องหนีขึ้นไปอยู่ที่สูง จากวันแรกจนต้องนอนพักเพื่อเอาแรง และก่อนนอนยังชวนกันไหว้พระก่อนนอน

โค้ชเอกเล่าอีกว่า จากวันแรก เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนวันที่ 4-5 แล้ว ก็มาปรึกษากันว่า จะหาทางออกไปด้านหน้าเมืองบาดาลดีหรือไม่ แต่ก็เคยมีสมาชิกในทีมหมูป่าเคยได้ยินเจ้าหน้าที่บอกว่ามีทางออกทางปลายถ้ำ แต่ปลายถ้ำต้องเสี่ยงมุดออก ซึ่งถ้ามุดไปก็มีโอกาสครั้งเดียว ถ้าไม่เจอก็ปิดตายสองชั้น เลยมาที่เนินนมสาว จากนั้นก็ปรึกษากันว่าจะเอาไงดี สรุปว่ารอตรงนี้ รอเจ้าหน้าที่มาเจอ เพราะเวลานั้น เวลาไม่ถึงชั่วโมงน้ำขึ้นสูง 3 เมตรแล้ว เลยคิดว่าหมดสิทธิ์แน่ๆ ต้องรอเจ้าหน้าที่มาเจออย่างเดียว และก็ขุดผนังถ้ำไปด้วยได้ 3-4 เมตร เพราะคิดว่าอย่างน้อยต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่รอเจ้าหน้าที่อย่างเดียว

ถามว่าเมื่อไม่ได้กินข้าวมีแรงขุดได้อย่างไร โค้ชเอกบอกว่า “ก่อนขึ้นไปขุด ก็กินน้ำให้อิ่มก่อนค่อยขึ้นไปขุด”

ข่าวลืออีกข้อที่ได้รับการเคลียร์คือทีมหมูป่าว่ายน้ำไม่เป็น โค้ชเอกบอกว่า ส่วนใหญ่ว่ายน้ำเป็น เพราะในสถานการณ์ที่พยายามหาทางออกอยู่นั้น ก็มีบางคนได้ว่ายน้ำไปดูระดับน้ำ เพื่อใช้เป็นข้อมูลว่าจะตัดสินใจหาทางออกทางไหนได้บ้าง

แม้กระทั่งตอนที่จะพาทั้ง 13 คนออกจากถ้ำ ก็มีข่าวลือว่า มีแผนนำคนอ่อนแอออกจากถ้ำก่อน เรื่องนี้ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ที่เข้าไปอยู่ดูแลทั้ง 13 ชีวิตในถ้ำหลังจากเจอวันที่ 2 ก.ค. และออกจากถ้ำพร้อมทีมหมูป่า 5 คนสุดท้าย เมื่อวันที่ 10 ก.ค. อธิบายว่า เรื่องใครถูกเลือกให้ออกจากถ้ำก่อนนั้น ความจริงคือเอาตามความสมัครใจ เพราะสุขภาพทุกคนแข็งแรง ซึ่งจากการที่คุยกับ ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ชาวออสเตรเลีย สรุปได้ว่าทุกคนแข็งแรงพอๆ กัน และสรุปว่าใครจะออกก่อนได้

แม้จะให้โค้ชเอกเป็นคนตัดสินใจเลือก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการสมัครใจของทุกคน ด้วยหลักของโค้ชคืออยากให้คนที่บ้านอยู่ไกลได้ออกก่อน และยังคิดว่าออกไปแล้วก็ขี่จักรยานที่จอดไว้ตอนเข้าถ้ำมา ขี่กลับบ้านได้ เพื่อจะได้ไปบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง และคิดว่าต้องได้ออกจากถ้ำในวันต่อมาแน่นอน

ส่วนตัวเลขทำไมต้อง 4-4-5 คือวัน 2 วันแรกวันละ 4 คน วันสุดท้าย 5 คน หมอภาคย์เฉลยว่า วันแรกตั้งใจว่าจะพาออก 6 คน แต่เพราะหน้ากากขนาดเล็กสำหรับบางคนไม่มี จึงต้องรอจนถึงวันสุดท้ายที่จนในที่สุดทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัย

...

ก่อนจบรายการ ทั้ง 13 ชีวิตยังได้ขอบคุณทุกความช่วยเหลือที่มอบให้พวกเขา โดยเฉพาะจ่าแซม น.ต.สมาน กุนัน อดีตซีลที่เสียชีวิตระหว่างร่วมช่วยเหลือทีมหมูป่า และที่สำคัญคือการกล่าวคำขอโทษพ่อแม่ที่ไม่ได้บอกความจริงว่าจะไปเที่ยวถ้ำหลังซ้อมบอลเสร็จ และนับจากนี้แต่ละคนยังมีความฝันที่ต้องเดินหน้าต่อไป.