ชาวบ้านสุดทน ดมขยะมา 40 ปี ฮือประท้วงที่ทิ้งขยะเทศบาลหล่มสัก สร้างมลพิษให้บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ไร่นา ทำลายระบบนิเวศ ดินเสื่อมโทรม เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ ขอให้ย้ายขยะออกไป  

วันที่ 3 ก.ค.61 ที่บริเวณสถานที่ทิ้งขยะของเทศบาลเมืองหล่มสัก ริมถนนสายหล่มสัก-ด่านซ้าย หมู่ 4 ต.หนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ นายเจษฏา โสภา พร้อมชาวบ้านตำบลหนองสว่างจากหลายหมู่บ้านกว่า 100 คน รวมตัวกันถือป้ายประท้วงให้ย้ายบ่อขยะหรือสถานที่ทิ้งขยะออกไปโดยชาวบ้านได้ถือป้ายต่างๆ ที่เขียนข้อความระบุว่า “ย้ายขยะออกไป ไม่ต้องการ ถ้าเทศบาลอยากได้ ให้เอาไปไว้เทศบาล” “ฟังเสียงขาวบ้านบ้าง ก่อนคิดจะสร้างอะไรอย่าฟังแต่เสียงนายทุนเพราะเงินเดือนคุณมาจากภาษี” “มลพิษจากขยะทำลายสุขภาพ กลิ่นเหม็น ระบบหายใจ สะสมในร่างกาย ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบท้องร่วง” “ชาวบ้านหนองสว่างคัดค้านไม่เอาบ่อขยะ” “กองขยะทำลายระบบนิเวศรอบๆ สภาพดินเสื่อมโทรม บ่อน้ำทางการเกษตรเสียหาย” และโห่ร้องว่าไม่เอาบ่อขยะๆ 

กระทั่งช่วงสายได้มีนายอำนาจ พูนยอด ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอหล่มสัก เจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก เจ้าหน้าที่ทหารจากม.พัน 28 เข้าเจรจากับชาวบ้าน โดยพันโท เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน 28 ได้กล่าวชี้แจงกับชาวบ้านว่า ตนเองเป็นคนหล่มเก่าเห็นบ่อขยะแห่งนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว พื้นที่แห่งนี้เทศบาลหล่มสักได้ขออนุญาตใช้อย่างถูกต้องมานานกว่า 40 ปีแล้ว และเป็นที่ดินของหลวงที่ได้ทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง สร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้านที่กล่าวตอบโต้ว่า เดิมที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีเนื้อที่ราว 373 ไร่เศษ ต่อมาปีพ.ศ.2515 เทศบาลหล่มสักได้ยื่นเรื่องทำเอกสารสิทธิที่ดิน 16 ไร่เศษ เป็น นส.3 ก.และเริ่มใช้พื้นที่แห่งนี้ก่อสร้างเป็นสถานที่ทิ้งขยะหรือบ่อขยะเป็นต้นมา ซึ่งบ่อขยะดังกล่าวมีลักษณะเป็นไข่แดงเท่าที่ออกเอกสารสิทธิได้ ส่วนที่ดินของชาวบ้านโดยรอบพื้นที่กลับไม่มีการออกเอกสารสิทธิ

...

"ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2536 ได้มีการประกาศให้ที่ดินบ่อขยะเป็นที่ นสล. หรือหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ซึ่งถือว่าเป็นการทับซ้อนในการยืนยันที่ดินดังกล่าว ซึ่งพันโทเกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน 28 ได้กล่าวยืนยันว่าการออกสารสิทธิที่ดินจากเดิมที่เทศบาลยื่นเป็น นส.3 ก.และเปลี่ยนเป็น นสล.นั้นสามารถทำได้ ซึ่งชาวบ้านก็กล่าวต่อทันทีว่าถ้าสามารถออกเอกสารทับไปทับมาได้ชาวบ้านก็ต้องออกได้เช่นกัน"

นายเจษฏา โสภา ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า พวกตนได้รับผลกระทบจากกองขยะนานหลายสิบปี ได้เรียกร้องจากหน่วยงานภาครัฐมาตลอด เมื่อฝนตกน้ำจากกองขยะจะไหลเข้าสู่เรือกสวนไร่นาทำให้ทำนาไม่ได้เพราะน้ำเน่า รมถึงแหล่งน้ำบาดาลที่ขุดเจาะมาก็ใช้ไม่ได้เพราะเปิดฝ้าขาวและมีกลิ่นเหม็น ชาวบ้านบางส่วนได้รับผลกระทบท้องเสียเป็นประจำรวมถึงโรคระบบทางเดินหายใจอีกด้วย อีกทั้งสถานที่ทิ้งขยะแห่งนี้อยู่ริมถนนสายท่องเที่ยวหลักคือเป็นเส้นทางหลักของหล่มสัก-ด่านซ้าย ที่จะเดินทางไปภูทับเบิกและภูเรือ รวมถึงมีสถานที่ราชการอยู่ละแวกใกล้เคียงทั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า สถานทีวิทยุ 921 กรป.กลาง สำนักงานขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์สาขาอำเภอหล่มสัก ตชด. เป็นต้น จึงขอให้ช่วยย้ายสถานที่ทิ้งขยะออกไปจากที่เดิมเพราะชาวบ้านได้รับผลกระทบมานานหลายสิบปีแล้ว 

และยังกล่าวต่ออีกว่าได้เริ่มเดินขบวนร้องเรียนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 กับเทศบาลหล่มสัก ทางเทศบาลจึงได้ส่งตัวแทนชี้แจงและรับปากว่าจะย้ายให้ แต่เรื่องก็เงียบไปชาวบ้านจึงยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานภาครัฐมาตลอดแต่เรื่องก็เงียบเหมือนเดิม ต่อมากระทั่งปี 2554 ชาวบ้านเริ่มเดินขบวนไปเรียกร้องให้แก้ไขอีกครั้ง เทศบาลแจ้งว่าจะแก้ไขและโยกย้ายให้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนเดิม ล่าสุดวันที่ 29 มีนาคม 2561 ทางอำเภอหล่มสักได้รับการประสานจากเทศบาลเมืองหล่มสักว่าจะสร้างเตาเผาขยะ ในพื้นที่เดิมไม่เพิ่มพื้นที่ใหม่ มีเนื้อที่ 16 ไร่ 2 งาน 36 ตร.ว. เพื่อกำจัดขยะมูลฝอยให้หมดไป โดยวิธีการคัดแยกออกให้เป็นปุ๋ยหมักและน้ำมัน

ต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 18.30 น.ได้มีการทำประชาคมแต่ชาวบ้าน 1,300 คนจาก 4 หมู่บ้านที่ต่างไม่เห็นด้วย ยังคงจะพยายามสร้างเตาเผาขยะที่ชาวบ้านเคยไปดูตัวอย่างมานั้นพบว่าสร้างมลพิษให้กับชุมชนเหมือนเดิมขอให้ภาครัฐช่วยแก้ไขเปลี่ยนสถานที่ทิ้งขยะแห่งนี้ออกไปจากแหล่งชุมชนด้วย จากนั้นนายอำนาจ พูนยอด ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอหล่มสัก ได้รับว่าจะนำเรื่องเข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป