พระเทพมังคลาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาโต้กรณีสุดฉาว มีพระผู้ใหญ่สวมบัตร ปชช.เด็กป่วยมะเร็งตาย ยืนยันเป็นคนไทย เกิดที่ท่าตอน ไม่ใช่ลูกชาวต่างด้าวตามที่มีคนไปร้อง กอ.รมน. 

วันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีมีผู้นำหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพถ่าย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่ง(พระอารามหลวง) ในตัวเมืองเชียงใหม่ และเจ้าอาวาสวัดใหญ่ทางตอนบนของจังหวัด ซึ่งพระเป็นเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด สืบเนื่องมาจากพบข้อมูลของเอกสารทางราชการเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร พบว่าเจ้าอาวาสวัดใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ มีการใช้บัตรประชาชนระบุหมายเลขบัตรตรงกับบัตรประชาชนของเด็กชายคนหนึ่ง ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2538 เป็นชาวบ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แต่พบว่าพ่อแม่ที่อาศัยอยู่ที่ห่างไกล ไม่ได้ไปแจ้งลงทะเบียนการตาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายทะเบียนราษฎร ได้รับรองการตายและออกใบมรณบัตรให้ ก่อนจะพบว่าเลขบัตรไปตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าอาวาสรายนี้

จากนั้นเมื่อสืบค้นต่อไปอีก พบพิรุธว่ามีการเปลี่ยนชื่อของเจ้าอาวาส จนปี 2528 มีการใช้ชื่อบัตรประชาชนและเลขบัตรของอีกบุคคล ซึ่งไม่ตรงกับปัจจุบัน ยิ่งสืบค้นลงไป พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า เจ้าอาวาสเคยใช้ชื่ออีกชื่อหนึ่ง ซึ่งทั้งบิดาและมารดาเป็นชาวเมียนมา เรื่องราวยังลุกลามไปถึงเจ้าอาวาสวัดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอทางตอนบนของเชียงใหม่ พื้นที่ติดกับชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ พร้อมมีส่วนผลักดันให้ได้สมณะที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางผู้ร้องจึงได้รวมรวมหลักฐานเข้าร้องกับทาง ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และ กอ.รมน.เชียงใหม่ ให้ตรวจสอบพระทั้ง 2 รูป ถือเป็นการสั่นสะเทือนวงการพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่ อีกครั้งหนึ่ง

...

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว ได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวางในจังหวัดเชียงใหม่ และวงการคณะสงฆ์ รวมถึงคณะศรัทธาชาวบ้าน ซึ่งต่างพุ่งตรงไปหาพระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตติโสภโณ) รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระเจ้าเม็งราย อ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าอาวาสวัดเชตุวัน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่วัดพระเจ้าเม็งราย อยู่ในช่วงเกิดพิพาทขัดแย้งกันในเรื่องการแต่งตั้งเจ้าอาวาส คณะศรัทธาแบ่งออกเป็นสองฝ่ายหนุนเจ้าอาวาสรูปเก่า และการเข้ามารักษาการเจ้าอาวาสใหม่ของพระเทพมังคลาจารย์

ต่อมา 14.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตติโสภโณ) รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน และมารักษาการเจ้าอาวาสวัดเชตุวัน ถ.ท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่กำลังจัดถวายกฐินอยู่ สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นกระแสสังคมในขณะนี้ เกี่ยวกับการสวมบัตรประชนเจ้าอาวาส โดยมี พระเทพมังคลาจารย์ให้การสนับสนุน  ซึ่งพระเทพมังคลาจารย์ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ต้องการไปสู้รบปรบมือกับใคร ใครอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำ ตนเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ชั้นเทพแล้วจะลงไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ร้องทำไม มันจะทำให้เกิดความเสียหายได้ แต่อยากจะรู้อะไรก็มาถามตนได้ ตนมีแต่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาดูแลค้ำจุนวัดวาอารามต่างๆ ตามที่เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ให้ตนมาดูแลอยู่ ส่วนใครที่จะว่า ก็ให้ว่าไปเถอะ คนมันจะร้องจะว่าห้ามไม่ได้

"เขาว่าแล้วมีความสุขก็ให้ว่าไปเถอะ ทำไมไม่ระบุชื่อออกมาเลย ใครทำยังไงได้อย่างนั้น อาตมาทำหน้าที่ให้กับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะเจ้าคณะจังหวัด ให้มาจัดการกับพวกไม่ซื่อกับศาสนา มีแต่หาผลประโยชน์กับพระศาสนาเข้าพกเข้าห่อ พวกนี้จะต้องถูกตรวจสอบ ใครที่สงสัยมาถามได้ อาตมามีแต่ให้ ไม่ใช่มีแต่เอา"

พระเทพมังคลาจารย์ กล่าวอีกว่า ตนเองเป็นคนเชียงใหม่ ไปดูประวัติได้ที่วัดท่าตอน บวชเณรมาเมื่อปี 2506 เกิดในหมู่บ้านท่าตอน เป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้สวมสิทธิ์ใครมาเป็นเจ้าอาวาส ใครจะว่าอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งที่มันผิดศีลผิดธรรม หม้อนรกจะกินหัวเอา น่าสงสารพวกนี้ ดังนั้นมีอะไรมาสอบถามได้ แต่เท่าที่ทราบมีแต่พวกนั้นพวกนี้ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆซึ่งเขาก็รู้ดี พวกนี้มันไม่ซื่อต่อพระศาสนา มีแต่จะหาผลประโยชน์ใส่กระเป๋าตัวเอง ขอท้าเลยใครที่ว่าตนไม่ซื่อต่อพระศาสนาและไม่รักชาติ พระมหากษัตริย์ ใครที่ยังสงสัยให้นำหลักฐานเข้ามาหาได้ทุกเวลา ตนไม่ท้อถอย แต่จะต่อสู้ด้วยความดีและความงาม ใครอยากรู้เรื่องอะไรมาได้เลย.