นักวิจัยนาโนเทค เปิดตัว ‘คลินิกคุณภาพน้ำ’ ที่เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีเซนเซอร์ และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ ตรวจวัดคุณภาพน้ำ รักษาให้น้ำมีคุณภาพดีเหมาะแก่การอุปโภคและบริโภค ขยับสู่แพลตฟอร์มขยายผลการใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการไปสร้างธุรกิจใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่ง ‘คลินิกคุณภาพน้ำ’ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย บูรณาการเทคโนโลยีเซนเซอร์และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ เป็นเสมือนคลินิกที่ตรวจวัดคุณภาพน้ำ และรักษาให้น้ำมีคุณภาพดีเหมาะกับการอุปโภคบริโภค ขยับสู่แพลตฟอร์มถ่ายทอดองค์ความรู้ ขยายผลการใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ ช่วยแก้ไขปัญหาและปรับปรุงคุณภาพน้ำให้กับชุมชนที่ต้องการ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ด้วยนวัตกรรม 

ดร.ณัฏฐพร พิมพะ หัวหน้าทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. กล่าวว่า ปัจจุบัน น้ำเพื่อการอุปโภคในประเทศไทย 80% เป็นการให้บริการโดยหมู่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (น้ำประปาหมู่บ้าน) และ 17% ให้บริการโดยการประปาส่วนภูมิภาค และการประปานครหลวง ข้อมูลจากกรมอนามัยชี้ให้เห็นว่า น้ำประปาหมู่บ้านที่ได้มาตรฐาน ผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้ของกรมอนามัย มีเพียง 34.4% 

...

“แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สามารถใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ตรวจวัดคุณภาพน้ำ จัดการมลพิษที่แหล่งต้นกำเนิด เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน รวมทั้งการเสริมองค์ความรู้และศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับผู้นำชุมชน ในการจัดการน้ำและคุณภาพน้ำ จากความสำคัญดังกล่าว คลินิกคุณภาพน้ำ โดย สวทช. จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ องค์การส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และมหาวิทยาลัยต่างๆ” หัวหน้าทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ศูนย์นาโนเทค กล่าว

การทำงานของ คลินิกคุณภาพน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ตรวจและรักษา 

สำหรับการตรวจนั้น นาโนเทค สวทช. โดย ดร.วีรกัญญา มณีประกรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยวัสดุตอบสนองระดับนาโน ใช้องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวัสดุตอบสนองและเซนเซอร์ พัฒนาเป็นเซนเซอร์ตรวจวัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นไอออนโลหะ โลหะหนักและอโลหะ สารกำจัดศัตรูพืช 

“เซนเซอร์ที่เราพัฒนานั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เซนเซอร์เชิงแสงสำหรับตรวจวัดโลหะและโลหะหนัก ประกอบด้วย ชุดทดสอบไอออนของปรอท แมงกานิส และทองแดง ในน้ำ ซึ่งเป็นชุดทดสอบแบบง่ายและรวดเร็ว สามารถพกพาใช้งานในภาคสนามได้ และเซนเซอร์เคมีไฟฟ้าสำหรับตรวจวัดโลหะและโลหะหนัก สามารถตรวจหาไอออนของแคดเมียม ตะกั่ว ทองแดง และปรอทในน้ำได้พร้อมกัน อาศัยเทคนิคเคมีไฟฟ้าเพื่อวัดสัญญาณเคมีไฟฟ้า ใช้ร่วมกับเครื่องวัดแบบพกพา โดยมีศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ช่วยพัฒนาอุปกรณ์เสริม ‘DuoEye Reader’ สำหรับประมวลผลปริมาณโลหะปนเปื้อนในน้ำชนิดแจ้งผลการตรวจได้ทันที จัดเก็บข้อมูลเข้าระบบคลาวด์ (Cloud) แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดภาระงานให้แก่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม และใช้ติดตามการปนเปื้อนของโลหะด้วยตนเอง

...

เมื่อพบปัญหาในน้ำก็เข้าสู่การบำบัดรักษา 

ดร.ณัฏฐพร กล่าวอีกว่า นาโนเทคภายใต้แผนงานบูรณาการ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้จัดทำแนวทางการปรับปรุงระบบประปาผิวดิน โดยวิจัยและพัฒนาเครื่องมือประเมินสารช่วยตกตะกอนและแอปพลิเคชันบอกปริมาณสารช่วยตกตะกอน อย่าง “อุปกรณ์วัดความขุ่นแบบท่อชนิดแผ่นสังเกตเคลื่อนที่” และ “อุปกรณ์ช่วยตกตะกอนชนิดกวนด้วยแม่เหล็กแบบสองความเร็ว” สำหรับประเมินปริมาณสารสร้างตะกอน, ระบบควบคุมการจ่ายสารช่วยตกตะกอน/สารฆ่าเชื้อ, อุปกรณ์ดักตะกอนที่มีขนาดเล็ก และระบบ IoT สำหรับ automatic control และ online monitoring 

...

ตามมาด้วยระบบผลิตน้ำดื่มจากน้ำบาดาล ที่รวมระบบผลิตน้ำดื่ม 120-250 L/h, ระบบตกตะกอนและกรอง, เมมเบรนเซรามิกนาโนคอมโพสิต และระบบ IoT สำหรับ automatic control และ online monitoring โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้นำร่องไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่จังหวัดลำปางและขอนแก่น ทำให้ 1,500 ครัวเรือนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน

ตอบสนองต่อการบริหารจัดการน้ำ รับกับสภาพอากาศแปรปรวน และโมเดลเศรษฐกิจ BCG

“ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ การสร้างความมั่นคงของน้ำอุปโภคและบริโภคทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งรัฐบาลได้จัดทำแผนขับเคลื่อนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 6 ขององค์การสหประชาชาติ ในเรื่องการสร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาลให้มีการจัดการอย่างยั่งยืน และมีสภาพพร้อมใช้สำหรับทุกคน เราหวังให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากคลินิกคุณภาพน้ำ จะเป็นประโยชน์กับชุมชน หรือหน่วยงานที่ดูแลตรวจสอบเรื่องของคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค รับกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้าน Green Economy เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนาโนเทคเองอยู่ระหว่างเสาะหาผู้สนใจนำต้นแบบเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ รวมถึงผู้ร่วมวิจัยเพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น และภาคเอกชนที่จะร่วมผลักดันไปสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป” ดร.ณัฏฐพร กล่าวทิ้งท้าย

...

สำหรับ คลินิกคุณภาพน้ำ โดย นาโนเทค สวทช. เป็น 1 ในทีมปฏิบัติการร่วมใน “ศูนย์ปฏิบัติการผู้พันวิทย์ อว.” ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. มีนโยบายจัดตั้งขึ้น ด้วยหวังนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี และตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างรวดเร็ว.