วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี ตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นวันสำคัญที่จะให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและร่วมกันแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) และศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (RECOFTC) ในแคมเปญ “Central Group Love the Earth” ภายใต้ธีม Generation Restoration (ส่งต่อโลกที่ยั่งยืนสู่เจเนอเรชั่นถัดไป) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวรณรงค์ที่สอดคล้องกับสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม และป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ โดยคนรุ่นปัจจุบัน เพื่อโลกและคนรุ่นถัดไป
โดยกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้ร่วมมือกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ จัดงานสิ่งแวดล้อมโลกในฐานะตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากภาคเอกชนของประเทศไทย ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50,000 ไร่ และลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2573 ในงานมีการจัดกิจกรรมรักษ์โลกต่างๆ มากมาย อาทิ เวิร์กช็อปจัดสวนในขวดแก้ว, เสวนาในหัวข้อ Generation Restoration, กิจกรรมดีไซน์ Griptok จากวัสดุธรรมชาติ ระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน 2567 ณ ชั้น3 โซนอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
...
นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นของกลุ่มเซ็นทรัลในการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “เซ็นทรัล ทำ” หนึ่งในกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อน คือ การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญและการลงมือปฏิบัติในการอนุรักษ์ปกป้อง และแก้ไขปัญาสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ ขยะ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของโลก กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จํากัด (มหาชน) จึงมีบทบาทและทิศทางด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับแนวทาง Generation Restoration ด้วยการเริ่มจากให้ความสำคัญกับมนุษย์ที่เป็นผู้ใช้ทรัพยากรและเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น สู่ 2 เป้าหมาย คือ 1. ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม และ 2. ป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ
การฟื้นฟูที่กลุ่มเซ็นทรัลทำ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และต่อเนื่องถึงอนาคต ผ่าน แคมเปญ Love the Earth เช่น การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว คลอบคลุมพื้นที่มากกว่า 50,000 ไร่ ทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำในจังหวัดน่าน ที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำน่าน ก่อนหน้านี้ที่ จ.น่าน ตามภูเขาเป็นภูเขาหัวโล้น และมีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไม่ดี ทางเซ็นทรัล ทำ ได้เข้าไปชี้แนะศาสตร์พระราชาเข้ามาปรับเปลี่ยน ทำเกษตรสวนผสมผสาน ทำให้เกษตรกรมีการปลูกพืชอื่น เช่น ฟักทอง หรือโกโก้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พื้นที่มีสภาพดีขึ้น
...
ในขณะเดียวกัน ยังยึดแนวทางบูรณาการผ่านการป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศด้วย เช่น โครงการ Journey to Zero นำแนวทางการลดขยะให้เหลือศูนย์มาประยุกต์ใช้ เน้นการลดขยะที่ต้นทาง โดยเฉพาะขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง การคัดแยกประเภทขยะ การรีไซเคิล เพื่อหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และลดปริมาณขยะลงสู่หลุมฝังกลบ
การคัดเลือกสินค้าที่ส่งผลต่อความยั่งยืน เช่น มีตัวเลือกสินค้าที่เป็น Eco-products เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการผลิตอย่างรับผิดชอบ วัสดุย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้ สนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ และเกษตรกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอน และฟื้นฟูดิน โดยทางเซ็นทรัล ทำ มุ่งจะเพิ่มพื้นที่การเกษตรที่ยั่งยืน 1% เป็นพื้นดินที่ทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี โดยตั้งเป้าไว้ที่ 10% อีกทั้งกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมกว่าเดิม เช่น การขนส่งโดยใช้พลังงานทางเลือก (รถบรรทุก EV) และการสนับสนุนพลังงานสะอาด โดยการใช้โซลาร์เซลล์ และการสนับสนุนชุมชนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Community Climate Action : CCA)
...
ด้าน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืน DJSI World และ Emerging Markets และอยู่ในระดับ Top 5% ในกลุ่ม Retailing จากการประกาศผล Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global ซึ่งเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ผ่านกลยุทธ์ CRC “ReNEW”
...
โดย CRC ให้ความสำคัญมากในการแก้ไข Climate Crisis ของโลก และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ด้วยมาตรการต่างๆ อาทิ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าขนส่งสินค้า และการใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานต่างๆ การส่งเสริมความรู้ด้านการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly Materials) การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ความงามออร์แกนิก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในด้านการลดปริมาณขยะ ทาง CRC มีการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management Solutions) โดยการจัดการขยะพลาสติก การรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธีกับทุกภาคส่วน การจัดการขยะอาหาร (Food Waste) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของขยะ การบริจาคอาหารส่วนเกินให้แก่ผู้เปราะบาง และการจำหน่าย Surprise Bags ในราคาประหยัด การแปรรูปอาหารส่วนเกินที่ไม่สามารถบริโภคได้เป็นผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง และการนำขยะอาหารไปแปลงเป็นปุ๋ย
ขณะที่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งที่จะพัฒนาพื้นที่การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน ตั้งแต่การออกแบบและการก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าและน้ำ รวมทั้งการใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ โดยปัจจุบันติดตั้งได้แล้วกว่า 80% ของจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด ผลิตไฟฟ้าได้ 26,011 MWh เพิ่มขึ้น 188% จากปี 2019 นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนามีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการสร้างพื้นที่สีเขียว พื้นที่จอดรถจักรยาน ติดตั้ง EV Charging Station รวมกว่า 400 ช่องจอด ในศูนย์การค้า 40 แห่ง 19 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร และผู้ประกอบการร้านค้า (Green partnership) ในปีแรกสามารถผลักดันให้เกิดการลดพลังงานได้ 719 MWh และลดขยะฝังกลบได้กว่า 60 ตัน พร้อมสนับสนุนชุมชนต่างๆ ดำเนินการตามหลัก Circular Concept ผ่านโครงการ ‘ทำดี’ ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชน
โดยในช่วงวันที่ 17-23 มิถุนายนนี้ บริษัทฯ จะมีการจัดงาน Better Futures Project เป็นปีที่ 3 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นงานที่มุ่งสร้างให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน
ส่วน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จํากัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การเก็บข้อมูลและการวัดผลความคืบหน้า เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรที่มุ่งเป้าไปสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน โดยเซ็นทาราเป็นกลุ่มโรงแรมแรกในไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน GSTC (Global Sustainable Tourism Council) ปัจจุบันมี 24 โรงแรมผ่านการรับรองแล้ว และตั้งเป้าภายในปี 2025 ทุกโรงแรมในเครือต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน GSTC มีระบบภายในที่ใช้หลักในการดำเนินงาน ภายใต้ชื่อ Centara Earthcare ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเซ็นทาราที่ได้รับการรับรอง GSTC-Recognised Standard จาก GSTC
มีการดำเนินโครงการ เช่น โครงการ Green Area การดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว สัดส่วนพื้นที่สีเขียวทั้งหมดของโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา คิดเป็น 37% ของพื้นที่ทั้งหมด โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นำร่องเป็นโรงแรมต้นแบบแห่งแรกของเครือเซ็นทารา ทำฟาร์มผักออร์แกนิก โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่บริเวณชั้น 26 ของโรงแรมปลูกผักและสมุนไพรตามฤดูกาลหลากหลายชนิด อีกทั้งโรงแรมทั้งในและต่างประเทศได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 1,009 ต้น ทั้งภายในพื้นที่โรงแรมและพื้นที่สาธารณะรอบโรงแรม เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโรงแรมและพื้นที่โดยรอบ พร้อมทั้งดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่และต้นไม้ท้องถิ่น อาทิ ต้นจามจุรี ต้นก้ามปู ต้นกระฮุง ที่อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมเป็นอย่างดี
ในส่วนของโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังรอบโรงแรม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ และเซ็นทารา ราส ฟูชิ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ ดำเนินการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังรอบโรงแรม ด้วยวิธีการย้ายปลูกปะการัง (Transplantation) นำปะการังเขากวาง (Acropora) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) ที่แตกหักตามธรรมชาติ หรือตกหล่นบนพื้นทราย ผูกติดกับโครงสร้างเหล็กเส้น และนำตัวโครงเหล็กวางลงใต้น้ำบนพื้นทราย ที่ดำเนินโครงการไปตั้งแต่ปี 2557 โดยทำกิจกรรมร่วมกับทั้งลูกค้าและพนักงานในทุกๆ เดือน ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ปลูกปะการังไปแล้วกว่า 1,000 กิ่ง
ภายในงานครั้งนี้ นอกจากจะมีกิจกรรมเวิร์กช็อปสนุกสนานแบบรักษ์โลกแล้ว กลุ่มเซ็นทรัล ดำเนินการจัดงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Carbon Neutral Event ผ่านการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเชิญชวนผู้ร่วมงานร่วมมือกันชดเชยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ แบบ Realtime ผ่าน Application CERO Carbon Wallet รวมทั้งเชิญชวนนำขวดเปล่ามาแลกเครื่องดื่มจากบูธร้าน good goods ฟรีในงาน เพื่อนำขวดเข้าโครงการ “ขวดเปล่าไม่สูญเปล่า 4 ทำเพื่อน้องสู้ภัยหนาว” อีกด้วย.