ผู้บริหารของห้างยงสงวนอุบลราชธานี นำพนักงานกว่า 500 คนพร้อมใจใส่ชุดแดง ร่วมกันจัดพิธีกลิ้งส้มจากประตูหน้าห้าง เข้าภายในห้าง ตามความเชื่อ "กลิ้งส้มเข้าบ้าน" จะนำโชคนำชัยมาให้ ก่อนที่จะแจกอั่งเปาซองแดงให้พนักงาน เป็นมงคลขวัญถุงปีใหม่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ก.พ. 67 ที่ ห้างยงสงวนอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นางมะวิวัลย์ ไชยสงคราม ผู้บริหารยงสงวนอุบลราชธานี ได้นำพนักงานกว่า 500 คน พร้อมใจกันใจชุดแดง ร่วมกันจัดพิธีกลิ้งส้มจากประตูหน้าห้าง เข้าภายในห้าง เป็นการ "กลิ้งส้มเข้าบ้าน" สืบสารประเพณีโบราณที่หาดูได้ยาก ในช่วงเทศกาลวันชิวอิก หรือวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของปี ในช่วงตรุษจีนเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เนื่องจากส้มเป็นผลไม้มงคลบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นการนำโชคนำชัยเข้าบ้าน
...
นางมะลิวัลย์ ไชยสงคราม ผู้บริหารยงสงวนอุบลราชธานี ห้างท้องถิ่นขนาดใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า การกลิ้งส้มเข้าบ้านใน ‘วันชิวอิก’ เป็นประเพณีเก่าแก่ ซึ่งถือว่าเป็นวันมหามงคล เป็นวันเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เป็นวันที่เราผ่านพ้นอะไรมาแล้ว เพราะฉะนั้นวันชิวอิก เราจะต้องทำสิ่งที่ดีๆ กันทุกคน สิ่งหนึ่งที่เราไหว้เจ้ามาแล้ว ไหว้บรรพบุรุษแล้ว วันชิวอิก ก็มาเอาส้มเข้าบ้าน เพื่อนำโชคชัยมาให้เรา เพราะฉะนั้นเราก็เห็นบรรพบุรุษเราทำมานาน และผลส้มก็คือผลไม้ที่เป็นมงคลที่สุด อยู่ในทุกเทศกาล เพราะฉะนั้นวันนี้เราดีใจมาก เราก็มาเอาส้มเอาโชคเอาทองเอาชัย เข้าบ้านเรา เพื่อให้พนักงาน ลูกค้าทุกคน มีโชคมีชัยกันทุกคน นี่คือเหตุผลที่เรามากลิ้งส้มกันในวันนี้
ผู้บริหารยงสงวนอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า การกลิ้งส้มเข้าห้าง เป็นประเพณีที่เราทำกันมานานแล้วทุกปี โดยหลังจากพนักงานแต่ละคนกลิ้งส้มเข้ามาในห้างเสร็จแล้ว ก็จะได้มอบโชคลาภ แจกอั่งเปา ให้ทุกคนได้รับซองสีแดง เพื่อความมีโชคชัย นอกจากจะแจกพนักงานแล้วทางห้างยังแจกประชาชนทั่วไปที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าด้วยถือเป็นมงคลขวัญถุงในการเริ่มปีใหม่ ให้ทุกคนดีใจและมีกำลังใจ ที่จะอยู่ต่อไป ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย สุขภาพร่างกายแข็งแรง
...
สำหรับ ประเพณีกลิ้งส้มเข้าบ้านในปี 2567 นี้ ห้างยงสงวนอุบลราชธานี ได้นำส้มสายน้ำผึ้งมากลิ้งเข้าห้าง โดยให้พนักงานได้กลิ้งแล้วเก็บไว้กินเป็นสิริมงคล ซึ่งประเพณีดังกล่าว เป็นประเพณีที่ ห้างยงสงวนอุบลราชธานี ได้จัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 นับถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาร่วมมากกว่า 30 ปีแล้ว.