ผู้ประกอบธุรกิจกัญชาโคราช หวั่นได้รับผลกระทบจาก MOU 8 พรรคร่วมฯ ที่จะผลักดันให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เห็นด้วย วอนรัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการทำถูกกฎหมาย หาทางออกร่วมกัน
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล ได้มีการทำ MOU ลงนามข้อตกลงร่วมกันในการขับเคลื่อนนโยบายบริหารประเทศ มีทั้งหมด 23 ข้อ และ 1 ใน 23 ข้อ มีนโยบายนำกัญชากลับไปเป็นสิ่งเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล ซึ่งหลังจาก MOU ถูกประกาศออกมา ทำให้บรรดาผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกัญชารู้สึกเป็นกังวล ว่า จะได้รับผลกระทบกับนโยบายข้อนี้ เพราะตั้งแต่มีการปลดล็อกกัญชาออกมา เจ้าของธุรกิจหลายรายได้ลงทุนประกอบกิจการไปเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องการจัดซื้อจัดหาเมล็ดพันธุ์ ไปถึงเรื่องโรงเรือนสำหรับปลูกกัญชา
นายอนันต์ ไตรรงค์ อายุ 38 ปี ผู้จัดการร้าน “สโตนเนอร์” ในพื้นที่ ถ.เดชอุดม ซ.6 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า “ตนเปิดร้านมากว่า 10 เดือนแล้ว ตั้งแต่มีการปลดล็อกกัญชาและปลดล็อกมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยทางร้านมีการจดทะเบียนกับทางสาธารณสุขฯ ไว้อย่างถูกตามกฎหมายทุกขั้นตอน แต่นโยบายที่จะนำกัญชากลับเข้าไปเป็นสิ่งเสพติดตาม MOU พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้มีการประกาศออกมา ตนรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เพราะลงทุนไปกับร้านไปเป็นจำนวนมาก ทั้งเมล็ดพันธุ์กัญชา โรงเรือนที่ใช้ปลูกกัญชา และการตกแต่งร้าน รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท”
...
ผู้จัดการร้าน “สโตนเนอร์” กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการนำกัญชากลับไปเป็นสิ่งเสพติด หรือจะมีการสั่งยกเลิกธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา จึงอยากเสนอไปยังว่าที่รัฐบาลใหม่ ให้เน้นไปที่เรื่องข้อกฎหมายหรือข้อบังคับที่จะนำมาใช้ควบคุมกิจการกัญชาจะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการธุรกิจกัญชาที่ลงทุนไปแล้ว แต่หากมีความจำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะต้องนำกัญชากลับไปเป็นสิ่งเสพติดผิดกฎหมายจริงๆ ก็อยากให้รัฐบาลใหม่หามาตรการการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวด้วย ซึ่งตนคิดว่าทางที่ดีที่สุด ก็คือภาครัฐและผู้ประกอบการควรหารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพราะรัฐบาลเคยทำให้กัญชาถูกฎหมายมาแล้ว แล้วอยู่ดีๆ จะดึงกลับไปผิดกฎหมายเหมือนเดิม ตนไม่เห็นด้วย” นายอนันต์ กล่าว .