อินทผลัม พืชเศรษฐกิจที่กำลังมาแรง เกษตรกรหลายพื้นที่แทบจะทั่วทุกภาคของไทยต่างให้ความสนใจ เพราะนอกจากอินทผลัมจะปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง โดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังให้ผลตอบแทนสูง สามารถเก็บผลผลิตได้นาน
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น (สศท.4) ติดตามสถานการณ์การผลิตใน จ.ขอนแก่น พบว่า การปลูกส่วนใหญ่อยู่ใน อ.น้ำพอง ภูเวียง และหนองเรือ รวมพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ให้ผลผลิต ปีละกว่า 31,835 กก. สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
โดยเกษตรกรนิยมปลูกสายพันธุ์บาร์ฮี (Barhi) ด้วยการใช้ต้นพันธุ์จากการเพาะเนื้อเยื่อ นำเข้าจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราคาประมาณตัวละ 1,800-2,300 บาท ทำให้ดูแลง่าย ให้ผลผลิตสูง มีรสชาติหวานกรอบ เหมาะสำหรับรับประทาน ผลสด แต่ละต้นให้ผลผลิต มีคุณภาพใกล้เคียงกันการปลูกอินทผลัม ใช้ต้นทุนการจัดการไร่ละ 37,301 บาท สามารถเก็บผลผลิตได้ในปีที่ 3 ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม...พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 25 ต้น ให้ผลผลิตต้นละ 20-80 กก. ไร่ละ 500-2,000 กก.
หักลบต้นทุนการผลิต เกษตรกรจะได้ผลตอบแทนสุทธิ หรือกำไรเฉลี่ยไร่ละ 383,240 บาท
โดยราคาผลสดที่เกษตรกรขายได้จะอยู่ที่ กก.ละ 300-800 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผลผลิต
สำหรับช่องทางจำหน่ายผลผลิต 80% ขายผ่านช่องทางออนไลน์ และลูกค้าประจำซื้อที่สวน อีก 20% ส่งขายพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกจังหวัดขอนแก่น
นอกจากจะจำหน่ายแบบผลสดแล้ว เกษตรกรยังนำผลผลิตอินทผลัมมาแปรรูปเป็นน้ำอินทผลัม และอินทผลัมอบแห้ง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
การปลูกอินทผลัมแม้มีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงกว่าพืชอื่น แต่เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับถือว่าคุ้มค่า...เกษตรกรที่สนใจปลูกอินทผลัม ควรศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ เพราะอินทผลัมเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่ยังคงต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผลผลิตโตอย่างเต็มที่.
...
สะ–เล–เต