แจ๊ส ชวนชื่น เดินทางมาเมืองพัทยา สักการะปู่ตาก ขอขมาอนุสรณ์สถานเรือใบ พร้อมกล่าวขอโทษคนพัทยา รับรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้านเมืองพัทยาส่งนิติกรแจ้งความดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ
เมื่อเวลา 09.00 น. (8 มี.ค.) แจ๊ส ชวนชื่น พร้อมภรรยาและทีมงานได้เดินทางมายังเมืองพัทยา ก่อนขึ้นไปกล่าวขอโทษ นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ตัวแทนนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในฐานะที่ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในพื้นที่ จากนั้นได้ทำพิธีสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ต่อมา แจ๊ส ชวนชื่น และทีมงานได้เดินทางไปยังอนุสรณ์สถานสโมสรเรือใบ ริมหาดพัทยาใต้ พร้อมทำพิธีขอขมา โดยการวางดอกไม้ธูปเทียนบริเวณจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
วันเดียวกัน ฝ่ายกิจการพิเศษและนิติกรเมืองพัทยา โดยมี นายคมกฤช พลวิชิตร รักษาการหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่นิติกร ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ แจ๊ส ชวนชื่น หรือ นายผดุง ทรงแสง อายุ 31 ปี ในข้อหาอนาจารในที่สาธารณะ มีโทษปรับไม่เกิน 1 พันบาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน
มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายอุดม ทรงแสง หรือ ป๋าดม ดาวตลกรุ่นใหญ่ บิดาของแจ๊ส ชวนชื่น มีความวิตกกังวลใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก จึงได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เพื่อกล่าวขอโทษเป็นการส่วนตัว พร้อมบอกว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยินดีจะให้แจ๊สมาขอโทษ เพื่อให้อภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
นายมานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เชื่อว่า ทั้งหมดเป็นแผนโปรโมตที่มีการเตรียมการไว้อยู่แล้ว ซึ่งผู้แต่งเพลงตั้งใจให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมด้วยการใช้คำสองแง่สองง่าม และพร้อมรับกับกระแสสังคมไว้อยู่แล้ว
...
สำหรับวิธีการโปรโมตของแจ๊ส ชวนชื่น ถือว่าเป็นการตลาดแบบ Negative Marketing หรือ การตลาดด้านลบ โดยที่ผ่านมาได้มีแบรนด์ต่างๆ ทำการตลาดด้านลบ อย่างเช่น การปล่อยคลิปวิดีโอการแสดงความรุนแรงของคุณครูที่ปาโทรศัพท์มือถือใส่นักเรียน แล้วสุดท้ายมาเฉลยว่าเป็นโฆษณาของแฮมเบอร์เกอร์ชนิดหนึ่ง ซึ่งการใช้การตลาดด้านลบ ผู้ใช้มักจะไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของสินค้า แต่ตั้งใจให้จดจำด้วยการสร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึงในสังคม
วิธีดังกล่าวมักจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสินค้า แต่ในกรณีของดารา นักแสดงมักจะใช้วิธีนี้เนื่องจากเมื่อมีข่าวเสียหายจนเป็นที่สนใจของสังคม ก็จะมีอีเวนต์งานต่างๆ มาเชิญไปร่วมงาน และสามารถโก่งราคาค่าตัวหรือค่าแรงได้หลายเท่าตัว เพราะในงานจะมีสื่อมวลชนสนใจไปทำข่าวเป็นจำนวนมาก
รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า แม้ว่าผู้แต่งเพลงจะบอกว่าไม่มีเจตนา แต่หากฟังแล้วผู้ฟังก็จะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี ประกอบกับมิวสิกวิดีโอก็เลือกใช้ท่าเต้นที่ไม่สุภาพในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม