ตำรวจชุดสืบสวน สน.มีนบุรี ตามจับ คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 40 บาท ภายในห้างสรรพสินค้าย่านสุขาภิบาล 3 หลังออกหมายจับได้เพียงไม่นาน สุดท้ายหนีไม่รอด จนมุมที่ จ.นครนายก ด้านญาติเชื่อสาเหตุเพราะติดยาเค-เป็นหนี้พนันออนไลน์

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 67 ศาลอาญามีนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับ นายพงษ์ศธร มะหะมาน หรือ บาส อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาบุกเดี่ยวชิงทอง จากร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขา 1 สุขาภิบาล 3 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กทม. เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ในข้อหา "วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ" ขณะที่มีรายงานจากชุดสืบสวนระบุว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปบ้านญาติที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อตำรวจไปติดตามพบว่า ญาติได้ไล่ตะเพิดผู้ต้องหาออกจากบ้านไปแล้ว หลังรู้ว่าไปก่อเหตุชิงทองมา ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยเส้นทางหลบหนีของผู้ต้องหา และยังพบข้อมูลด้วยว่าผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์คันหนึ่งไปที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถของใคร แต่แนวทางการสืบสวนเชื่อว่า ผู้ต้องหาก่อเหตุเองเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการ และไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน

ขณะเดียวกันวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานติดต่อจากญาติของผู้ต้องหาว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้เดินทางหลบหนีไปบ้านญาติ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จากการสอบถาม นายเอฟ ซึ่งเป็นญาติกับผู้ต้องหา เล่าว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลใจ กังวลว่าผู้ต้องหาจะไปฆ่าปิดปากแม่ของตน เพราะว่าแม่ของตนรู้ข้อมูลเยอะ และเมื่อวานนี้ตอนที่ตนโทรศัพท์ไปสอบถามแม่ ก็ได้พูดคุยกับผู้ต้องหา เขาบอกว่าจะหนีไป จ.นครนายก แต่ที่นครนายกไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องอยู่เลย เมื่อถามถึงเหตุผลถึงการก่อเหตุ เขาก็เงียบไม่ตอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด เพราะผู้ต้องหาติดยาเค เชื่อว่าน่าจะมีปัญหาหนี้สินด้วย ส่วนประวัติเล่นการพนันนั้น ตนไม่แน่ใจ พอถามเขาว่าจะหนีหรือจะมอบตัว เขาตอบว่าจะหนี ตนก็เลยบอกว่าถ้าจะหนีก็หนีไปเลยตอนนี้ และเขาก็ติดเครื่องรถขับออกไปเลย โดยในกระเป๋ามีทองของกลางอยู่ด้วยทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ทุกคนอยากให้เขามอบตัว เพราะไม่อยากเห็นข่าวที่มันเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว

...

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางต่อไปยังบ้านพักของนายบาส (ผู้ต้องหา) ที่สุเหร่าซีรอ ซึ่งไม่พบแม่ของผู้ต้องหาเนื่องจากออกไปทำงาน จึงได้พูดคุยกับญาติของผู้ต้องหาอีกคน โดยญาติเล่าว่า หลังนายบาสก่อเหตุชิงทองเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปอีกรอบ โดยใช้รถจักรยานยนต์คันก่อเหตุขับไปจอดไว้ และต่อรถแท็กซี่ไปไหนสักที่เพื่อใช้รถยนต์หลบหนี แต่ไปที่บ้านญาติใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตนก็ถามนายบาสว่า จะมอบตัวหรือไม่ หากจะมอบตัวก็จะพาไปมอบ แต่ถ้าจะหนีก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าหนีไปอยู่ไหนแล้ว แม่นายบาสเองก็เครียด เป็นห่วงเขามากอยากให้มอบตัว อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าอยู่ไหน จะหนีไปได้สักกี่วัน มองแล้วไม่น่าจะรอด

ญาติเล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน บางครั้งนายบาสก็เอารถน้องไปขับส่งอาหารบ้าง ซึ่งเขามีพฤติกรรมติดยาเคหนัก เพราะน้องชายเขาให้ข้อมูลมา แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเหตุให้ถึงขั้นต้องไปปล้น ปกติเขาจะมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย ขโมยแค่ของคนในบ้านไม่ได้มากมาย เราก็ไม่ได้แจ้งตำรวจ เพราะเป็นคนในบ้านก็คิดว่าเขาจะสำนึก จนกระทั่งมาเกิดเหตุปล้นร้านทอง

"ส่วนเรื่องประเด็นค้ายาเสพติดนั้น ปัจจุบันไม่มี แต่ก่อนหน้านี้เคยมีเพื่อนๆพูดกันบ้าง เขาไม่ได้ไปเกเรเมาเหล้าที่ไหน ได้ยินมาจากเพื่อนเขาว่า เขาติดหนี้เยอะ เล่นพนันออนไลน์ แล้วก็เชื่อว่ากลุ่มเพื่อนน่าจะรู้ ก่อนก่อเหตุ เขาไม่มีพฤติกรรมอะไรให้สงสัยเลย มีเพียงผิดปกติที่มาล็อกประตูหน้าบ้าน ซึ่งปกติเราจะเปิดโล่งเพราะเราต้องขับรถจักรยานยนต์เข้าออกอยู่เป็นประจำ ตนก็ยังแอบคิดอยู่ว่าไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำไมถึงต้องล็อกบ้าน ส่วนจะไปกู้หนี้นอกระบบมาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่รู้ ก็อยากให้เขามอบตัว หนักจะได้กลายเป็นเบา ก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เพราะเขาก่อเหตุไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้นก็เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ" ญาติผู้ต้องหา กล่าว

ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.มีนบุรี จับกุมตัว นายพงษ์ศธร หรือ "บาส" ผู้ต้องหาได้แล้ว หลังได้เบาะแสว่า ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปหาญาติ แต่ญาติปฏิเสธช่วยเหลือ เจ้าตัวจึงหลบหนีต่อ

จากการเกาะรอยตามเส้นทางการหลบหนี พบว่ามีการขึ้นรถแท็กซี่ไปจนถึงย่านคลองสอง จ.ปทุมธานี ก่อนจะมีรถเก๋งขับมารับพาหนีต่อ ซึ่งตำรวจตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่ใช่ผู้ร่วมขบวนการอีกคนที่พาผู้ต้องหาหลบหนี แต่เป็นรถยนต์มือสองที่ผู้ต้องหาขอซื้อจากคนที่ประกาศขายในราคา 80,000 บาท แล้วให้นำไปส่งที่จุดดังกล่าว จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถต่อไปหาญาติที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อญาติทราบข่าวจึงไล่ให้ผู้ต้องหาไปที่อื่น ผู้ต้องหาจึงขับรถคันที่ซื้อมาหลบหนีต่อไป กระทั่งเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณแยกสาริกา ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก ขณะขับรถตระเวนหลบหนีตลอดทั้งคืน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป