เด้งกลางอากาศ “ผกก.5 บก.รน.” พร้อมลูกน้องรวม 4 นาย เข้า ศปก.บช.ก. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ขณะนำ “รองเต่า” ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จุดที่เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำพร้อมน้ำมันของกลางรวม 330,000 ลิตรล่องหน เผย “บิ๊กก้อง” สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือคนธรรมดา ส่วนการไล่ล่าจับกุมประสานทหารเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดอ่าวไทย ระดมค้นหาเรือของกลางทั้งทางน้ำและทางอากาศ เชื่อกำลังมุ่งหน้าประเทศกัมพูชา “นายกฯเศรษฐา” ชี้ เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนหายเชื่อมขบวนการค้าของเถื่อนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ สั่งการ ผบช.ก.แล้วให้เร่งตรวจสอบดำเนินการ พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางขนาดใหญ่ 3 ลำ ประกอบด้วยเรือ เจ.พี. พร้อมของกลางน้ำมันเถื่อน 80,000 ลิตรลูกเรือ 7 คน เรือซีฮอต พร้อมน้ำมันเถื่อน 150,000 ลิตรลูกเรือ 6 คน และเรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อน 100,000 ลิตรลูกเรือ 5 คน รวมปริมาณน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดีบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เบื้องตนเชื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่ร่วมกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนลูบคม แอบมาขับเรือออกไป พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ถึงกับไม่พอใจสั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ลงไปตรวจสอบหาคนรับผิดชอบตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ (สบ. 8) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำของกลางหาย โดยมี พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. และ พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ เดินทางมาให้ข้อมูลพร้อมชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากสนใจเดินทางมารายงานข่าว
...
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า หลังเกิดเหตุรับมอบหมายจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้ตั้งคณะทำงานดูแลเรื่องนี้ มีกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด เชื่อว่ามีผู้บงการสั่งการอยู่เบื้องหลังแน่นอน แนวทางการสอบสวนเรือทั้ง 3 ลำที่ถูกโจรกรรม เป็นเรือผิดกฎหมายไม่มีทะเบียนเรือทั้งหมด มีน้ำมันของกลางอยู่ในลำเรือรวม 330,000 ลิตร เชื่อว่าผู้เป็นเจ้าของตัวจริงคือเสี่ยโจ้ อยู่ระหว่างสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้พร้อมดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ และเตรียมออกหมายจับผู้อยู่ในเรือทั้งหมด
“คาดว่าเรือทั้ง 3 ลำจะหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดตราดข้ามไปยังฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชา เนื่องจากมีข้อมูลของบุคคลเป้าหมายกบดานอยู่ที่นั่น ตลอดจนพื้นที่น่านน้ำกัมพูชาห่างจากชายฝั่งอำเภอสัตหีบจุดเกิดเหตุออกไปเพียง 120 ไมล์ทะเลหรือ 240 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชม. แต่ยังไม่มีรายงานการพบเรือที่หลบหนี ยังคงดำเนินการค้นหาในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง” รอง ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวด้วยว่า ในส่วนการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจน้ำ 3 ชุดที่รับมอบหมายให้ดูแลของกลางยอมรับว่ามีความบกพร่อง ผู้ที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่ายมาตรา 157 แต่หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุนผู้กระทำความผิดจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 147 ด้วย ล่าสุดจะมีการออกคำสั่งให้ 5 นายตำรวจ ย้ายไปปฏิบัติราชการเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่ง 1 ในนั้นอาจมีสารวัตรตำรวจน้ำสัตหีบอยู่ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน.เผยว่า เรือ 3 ลำที่ยึดเป็นของกลางในคดี เป็นคดีของพนักงานสอบสวน บช.ก.และกรมสรรพสามิต เรือแต่ละลำมีทะเบียนเรือไม่ตรงกับข้อมูลเรือ บางลำไม่มีทะเบียนเรือ จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า เรือทั้ง 3 ลำที่หายไปมีเจ้าของเดียวกัน ส่วนการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 5 ลำ เพราะมีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลในฝั่งออกทะเลอันดามัน เพื่อเอาน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนการจัดเก็บของกลางตามระเบียบ ตร.ระบุให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดูแล หากของกลางเป็นเรือจะต้องให้ตำรวจน้ำในพื้นที่ดูแล
มีรายงานด้วยว่าตลอดทั้งวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประสานทางกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันระดมกำลังปูพรมค้นหาเรือของกลางทั้ง 3 ลำที่หลบหนี ทั้งทางน้ำและทางอากาศในพื้นที่น่านน้ำอ่าวไทย จ.ระยองและจ.ตราด แต่การค้นหายังไร้วี่แวว หากเป็นไปตามที่ผู้พบเห็นแจ้งเบาะแส สันนิษฐานว่า ขณะนี้เรือทั้ง 3 ลำหลบหนีออกน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านฝั่งประเทศกัมพูชาไปแล้ว เบื้องต้นจะให้ตำรวจ ตท.ประสานไปยังทางการประเทศเพื่อนบ้าน ให้ช่วยดำเนินการควบคุมตัวและของกลางกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยต่อไป
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ลงนามในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน.จำนวน 4 นาย ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก.โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม มีผลนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5บก.รน. ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. และ ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5บก.รน. ส่วน พ.ต.ท.อาจินต์ วังวรรธนะ รอง ผกก.5 บก.รน.ไม่โดนย้ายในคำสั่งนี้เนื่องจากอยู่ระหว่างลาราชการ
สำหรับการเซ็นคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทั้ง 4 นายดังกล่าว เป็นผลพวงจากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ บรรจุน้ำมันเถื่อนรวมกว่า 3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหายว่า ตนสั่งการให้ ผบช.ก.ไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้เชื่อมโยงกับเรื่องของเถื่อนทั้งหมด รัฐบาลเราไม่ยอมรับเรื่องพวกนี้ ตนเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้ ผบช.ก.รู้จักตนดีพอ และเราพูดคุยกันหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับของเถื่อน และทราบนโยบายดีว่าเราไม่ยอมรับเรื่องพวกนี้ ฉะนั้นคงไม่ต้องกำชับกันเยอะ ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ถามว่าสาเหตุที่ของกลางหายไปเกิดจากอะไร นายกฯตอบว่า ขอให้ดูรายงานโดยรวมดีกว่า อย่าเพิ่งเอาเรื่องที่สันนิษฐานกันมาพูด ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย
...
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. นำกำลังลงพื้นที่ร่วมกับ พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ (สบ.8) เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ 2-3 นายส่อเค้าบกพร่องต่อหน้าที่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ให้แน่ชัด หากพบหลักฐานว่าการกระทำบกพร่องต่อหน้าที่จะดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 157 โดยไม่มีข้อยกเว้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะเดียวกันวันที่ 17 มิ.ย. พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เจ้าของคดีจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจะเรียกกลุ่มลูกเรืออีก 2 ลำ ที่ไม่ได้หลบหนีเข้าพบ เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่เรือของกลาง 3 ลำหลบหนีไป เพื่อจำแนกว่าใครบ้างที่มีส่วนรู้เห็น เบื้องต้นแนวทางสืบสวนทราบว่า ขณะที่ย้ายเรือของกลางไปจอดทอดสมอห่างจากจุดเดิม 100 เมตร อ้างว่าเพื่อหลบคลื่นลมก่อนหายไป มีลูกเรือประมาณ 10 คนของเรือที่ไม่มีน้ำมันเถื่อน 2 ลำ ยังอยู่บนฝั่ง ขณะที่ลูกเรือที่เหลืออีก 10 กว่าคนของเรืออีก 3 ลำยังอยู่บนเรือก่อนหายไป ทั้งนี้หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องจะมีการดำเนินคดีเอาผิดต่อไป
ต่อมาเวลา 20.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ลงนามเซ็นคำสั่ง บช.ก.ที่ 132-2567 ให้นายตำรวจปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ขจรยศ ทรงประดิษ ผบ.เรือ (สบ 4) กรต.บก.รน. รักษาราชการแทน ผกก.5 บก.รน. 2.พ.ต.ท.สมมาตร เสือบัว สว.ส.รน.4 กก.5 บก.รน. รักษาราชการแทน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. 3.พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ จิตสุวรรณ สว.ประจำ บก.รน.(ปฏิบัติหน้าที่ใน ศรชล.) รักษาราชการแทน สว.ส.รน.4 กก.5 บก.รน. ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
...