กลุ่มรักษ์หนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นำชาวบ้านกว่า 300 คน ที่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอันตรายบุกพบ ผวจ.ระยอง ช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วน 4 ข้อ หลังผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ยังจัดการกับวิกฤติกลิ่นควันสารพิษตกค้างไม่ได้ ทำพระชาวบ้านป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ แสบตา จมูก ผื่นคันตามผิวหนัง เรียกร้องให้ย้ายกากสารเคมีออกจากพื้นที่โดยเร็ว พ่อเมืองรับปากประสานกรมโรงงานฯนำผู้รับเหมา 3 ราย มาเร่งขน เริ่มวันแรก 18 พ.ค.นี้

ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้โกดังเก็บกากสารเคมีบริษัท วิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่เกิดไฟลุกไหม้เมื่อหลายวันก่อน เดินหน้าเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสารพิษที่เกิดขึ้น หลังพระและชาวบ้านใช้น้ำแล้วเกิดผื่นคันเป็นตุ่มใสขึ้นตามผิวหนัง ต่างหวาดผวากลัวว่าอาจมีสารปนเปื้อนตกค้าง เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลต้องนำรถขุดเจาะบาดาลมาเก็บตัวอย่างน้ำใต้ดินและดินรอบโกดังส่งไปพิสูจน์ให้แน่ชัด

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ค.ตัวแทนผู้นำชุมชนพร้อมชาวบ้านและกลุ่มรักษ์หนองพะวา กว่า 300 คน นำโดย น.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนันตำบลบางบุตร ไปรวมตัวกันที่วัดหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย เพื่อร่วมหารือถึงแนวทางการต่อสู้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดการปัญหาย้ายกากสารเคมีออกไปจากพื้นที่ พร้อมนำรถบรรทุกหกล้อติดตั้งเป็นเวทีลำโพงขยายเสียงและป้ายข้อความเรียกร้องต่างๆ เช่น “วอนท่านผู้ว่าฯช่วยชาวหนองพะวาด้วย”, “วินโพรเสสสารเคมีตายอย่างเดียว”, “ช่วยด้วยเหม็นมาก”, “หยุดยัดเยียดสารก่อมะเร็งใส่ปอดเรา” และ “เจ้าของโรงงานแม่งเส้นใหญ่” เป็นต้น

จากนั้นในช่วงบ่ายกลุ่มชาวบ้านนำหนังสือร้องทุกข์ไปยื่นต่อนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง เพื่อให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะโกดังเก็บกากสารเคมีอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองพะวา ห่างจากวัดหนองพะวาแค่ครึ่งกม.เท่านั้น ทั้งนี้ น.ส.ผ่องพรรณ ตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า โกดังแห่งนี้ลักลอบกักเก็บสารเคมีอันตรายผิดกฎหมายจำนวนมาก เพลิงไหม้ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่สามารถยับยั้งผลกระทบจากวิกฤติในครั้งนี้ได้ ชาว ต.บางบุตรและใกล้เคียงต่างเดือดร้อนจากกลิ่นสารเคมีอันตราย มีผลกระทบด้านความเป็นอยู่และสุขภาพ เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ มีอาการแสบตา แสบจมูก เกิดอาการอักเสบตามผิวหนังและยังไม่ทราบว่าจะมีอาการอะไรต่อสุขภาพในระยะยาว

...

กำนันตำบลบางบุตรกล่าวอีกว่า ชาวบ้านต้องการให้ ผวจ.ระยอง ช่วยเหลือเร่งด่วน 4 ข้อ คือ 1.ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการทำงานเพื่อกำหนดแผ่นงานในการจัดการภายใน 7 วัน และขอให้เริ่มขนย้ายกากสารเคมีอันตรายถังแรกออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ส่วนการขนย้ายสารเคมีอันตรายทั้งหมดต้องจัดการให้แล้วเสร็จใน 90 วัน 2.ขอให้ตรวจสุขภาพเพื่อหาสารพิษปนเปื้อนในร่างกาย ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์อย่างละเอียด ให้รายงานยอดผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผื่นขึ้นตามผิวหนังขณะนี้ว่ามีกี่ราย และมีแผนงานการรักษาติดตามผลอย่างไร 3.ขอให้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ป้องกันสารพิษให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทันที รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ และนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองพะวา และ 4.ขอให้ตรวจวัดคุณภาพอากาศตลอด 24 ชม. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบผ่านบอร์ดหรือแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อจะได้วางแผนป้องกันตนเองต่อไป

นายไตรภพเปิดเผยหลังรับหนังสือว่า เบื้องต้นจังหวัดตั้งคณะทำงานรับเรื่องร้องทุกข์จากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น มีประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 700 คน ใช้งบท้องถิ่นเยียวยารายละ 3,000 บาท และตั้งคณะทำงานติดตามช่วยเหลือและชดใช้เยียวยาค่าเสียหายระหว่างผู้ได้รับผลกระทบและบริษัทวินโพรเสส ส่วนเรื่องการขนกากสารเคมีเบื้องต้นได้พูดคุยกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบว่าวันที่ 17 พ.ค.นี้จะนำผู้รับเหมารับกำจัดกากสารเคมี 3 รายมาดูพื้นที่เพื่อจะขนกากสารเคมีในโรงงานและจะเร่งขนวันที่ 18 พ.ค. โดยนำเงินวางประกันที่ศาลจำนวน 4.6 ล้านบาท มาดำเนินการในเบื้องต้น ส่วนที่เหลือให้กรมโรงงานฯเร่ง ขนย้ายไปก่อนแล้วค่อยของบประมาณส่วนกลางทีหลัง

ผวจ.ระยอง กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสุขภาพให้ประชาชน โดยเฉพาะพระสงฆ์เป็นผดผื่นคัน เบื้องต้นจัดชุดแพทย์พยาบาลเคลื่อนที่ตั้งหน่วยตรวจสุขภาพประชาชนและพระสงฆ์วัดหนองพะวา 15 รูป ส่วนการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันสารพิษเบื้องต้นขอหน้ากากป้องกันมาจากเอกชน 20,000 ชุด มอบให้กำนันไปแจกก่อน 10,000 ชุด ส่วนอีก 10,000 ชุด สำรองไว้ที่อำเภอบ้านค่าย ถ้าไม่พอจะขอเพิ่มให้ ขณะที่การตรวจวัดคุณภาพอากาศ 24 ชม. ขณะนี้ขอเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษมาประจำที่ อบต.บางบุตร แต่ถ้าคิดว่าไม่พอจะประสานบริษัทไออาร์พีซีฯและ กนอ.ขอรถโมบายตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ชาวบ้าน

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่