เหตุระทึกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุ สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ระเบิดในลานพักตู้ท่าเรือแหลมฉบัง กลุ่มควันดำพวยพุ่งสูง พนักงานต่างวิ่ง หนีตายอย่างอลหม่าน ได้รับบาดเจ็บ 20 คน มีอาการแน่นหน้าอกและแสบตา ขณะที่ ผอ.ท่าเรือแหลมฉบังยันนำตู้ไฟไหม้ไปเก็บในพื้นที่ควบคุม ตรวจไม่พบสารรั่วไหล ชาวบ้านในพื้นที่ใช้ชีวิตตามปกติ คาดสาเหตุอากาศร้อนจัด

เหตุตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสารเคมีอันตรายระเบิดรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ร.อ.กานต์ เมนะรุจิ ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดไฟไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ภายในลานพักตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท เอสซีจี เจดับเบิลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายธวัชชัย ศรีทอง ผวจ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีราชา ตำรวจ สภ.ศรีราชา เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครแหลมฉบังนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุอยู่ที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ประเภทสินค้าอันตราย พบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอันตรายหมายเลข TLLU2697694 Class 5.2 UN 3106 ภายในมีสารเคมีประเภท Organic peroxide type d,solid (สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์) ใช้ในอุตสาหกรรมพอลิเมอร์และพลาสติกเป็นวัตถุไวไฟจำนวน 378 กล่อง เกิดปฏิกิริยาระเบิดทำให้ไฟลุกไหม้ พบกลุ่มควันดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตรวจสอบมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นพนักงานของ บริษัท MC logistics ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก และแสบตา จำนวน 20 คน นำส่งโรงพยาบาลวิภาราม บริเวณใกล้กันเป็น ลานจอดรถเก๋งโตโยต้า 23 คัน เจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำ สกัดใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จนเพลิงสงบ

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นควันลอยพุ่งออกมาจากลานพักตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวแล้วเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น คนงานในพื้นที่และใกล้เคียงต่างพากันวิ่งหนีตาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่หลังจากเพลิงสงบแล้วแต่ยังมีไอระเหยอยู่ คาดสาเหตุอาจเกิดจากอากาศร้อนจัดส่งผลให้วัตถุภายในตู้เกิดปฏิกิริยาขึ้น

...

ต่อมาเวลา 14.45 น. ร.อ.กานต์ เมนะรุจิ ผอ. ท่าเรือแหลมฉบัง ออกมาแถลงยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้ ตู้สารเคมีในโกดัง JWD เก็บสินค้าอันตรายควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และท่าเรือแหลมฉบังประกาศยุติปฏิบัติการศูนย์ควบคุมเหตุเพลิงไหม้แล้วในเวลา 15.00 น. ตรวจสอบตู้เก็บสารเคมีเสียหายจำนวน 2 ตู้ คือ ตู้ที่เกิดการลุกไหม้ และอีก 1 ตู้ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติและควบคุมสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว แจ้งให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ที่หยุดชะงักในช่วง เวลาดังกล่าวดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประกาศเตือนประชาชนให้อพยพ ออกจากพื้นที่หากมีสารเคมีรั่วไหล ขณะนี้ขอยืนยันว่า ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีปัญหานำแยกไปยังพื้นที่ควบคุมที่มีเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว และดำเนินการตาม มาตรการของกรมควบคุมมลพิษ ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ขณะเดียวกันผู้บริหารบริษัท เจดับเบิลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด แจ้งว่า ขณะนี้แจ้งให้ลูกค้าเข้ามา ตรวจสอบความเสียหายของสินค้าแล้ว พร้อมปิดทางออกของช่องทางน้ำ เพื่อนำไปกำจัดและป้องกันน้ำไหลออกสู่สาธารณะ รวมถึงเฝ้าระวังเกิดเหตุซ้ำ เนื่องจากเป็นลานวางตู้คอนเทนเนอร์สำหรับสารเคมี ที่เป็นอันตรายทั้งหมด ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอศรีราชาดำเนินการตรวจสอบและคัดแยกกลุ่มผู้อพยพทั้งหมด ณ หอสังเกตการณ์ท่าเรือแหลมฉบัง และประสาน อสม.ลงสำรวจพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ เพิ่มเติมต่อไป

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ภายในคลังสินค้าท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า รับรายงานจาก นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 ว่า เหตุเพลิงไหม้ ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 9 ตัน ภายในตู้คอนเทนเนอร์มีสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติเป็นสารกัดกร่อน บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษจำนวน 378 กล่อง กล่องละ 18 กิโลกรัม ทำให้บริเวณโดยรอบมีกลิ่นฉุนรุนแรง ทีมดับเพลิงฉีดน้ำเพื่อควบคุมไอระเหยไม่ให้กระทบไปยังพื้นที่บริเวณกว้าง และควบคุมเพลิง ได้แล้ว เบื้องต้นบริษัทอพยพพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ 183 ราย พบมีอาการระบบทางเดินหายใจ 20 ราย ทีมแพทย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนใกล้เคียงแล้ว

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่คัดกรองพนักงานที่ได้รับผลกระทบบริเวณหอสังเกตการณ์ 54 คน บริเวณลานจอดรถโตโยต้า 23 คน ไม่พบผู้มีอาการผิดปกติ ส่วนการคัดกรองบริเวณชุมชนโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร ยังไม่พบผู้ได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าหน้าที่แจกหน้ากาก N95 ให้กับผู้ปฏิบัติงาน 100 ชิ้น และประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุประจำชุมชนให้ประชาชนในละแวกใกล้เคียงสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติ ให้แจ้งผู้นำชุมชน หรือ อสม. เพื่อส่งต่อเข้าพบแพทย์โรงพยาบาลแหลมฉบังทันที เนื่องจากสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติกัดกร่อน หากสัมผัสต้องรีบ ล้างด้วยน้ำและสบู่ ถ้าเข้าตาต้องล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆในทันที กรณีที่เผลอรับประทานเข้าไปควรดื่มนม หรือน้ำแล้วรีบไปพบแพทย์ หรือหากหายใจเอาฝุ่น หรือละอองเข้าไปต้องรีบไปพบแพทย์ทันที