หลวงตาวัย 78 ปี ร้องสื่อช่วย หลังถูกสาวใจบาป ใช้อุบายสวมบทล้มละลาย เป็นผู้ตกทุกข์ได้ยาก ปอกลอกเอาเงินจนเกลี้ยงบัญชีกว่า 800,000 บาท พร้อมวิงวอนนำเงินมาคืน ยอมอโหสิไม่เอาความ สิ้นกรรมสิ้นบาปต่อกัน

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 พระยสธัมโม พวงศรีสังข์ หรือหลวงตาเล็ก อายุ 78 ปี พระลูกวัดราษฎร์สามัคคี กม.10 ได้เข้าร้องทุกข์ต่อผู้สื่อข่าวประจำพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังถูกหญิงสาว โยมอ้วน (นามสมมติ) อายุ 40 ปี รูปร่างท้วม ผิวคล้ำ หลอกลวงปอกลอกเอาเงินไปจำนวนกว่า 800,000 บาท เบื้องต้น ได้แจ้งความไว้กับ ร.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ มอมุงคุณ รองสารวัตรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.66 เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี

พระยสธัมโม ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รู้จักโยมอ้วน มาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65 ขณะกำลังทำงานอยู่ในวัด โยมอ้วน ได้มายืนเกาะที่รั้ววัด ทักทายทำทีมาขอความช่วยเหลือ เดือดร้อนหลังสู้ความแพ้คดี ทำให้ถูกฟ้องล้มละลาย ไม่มีเงินเติมน้ำมันรถ เดินทางกลับจันทบุรี ด้วยการวางตัว และการพูดจาที่ดี เป็นผู้มีวาทะน่าเชื่อถือ จึงเกิดความเมตตาสงสารมอบเงินช่วยเหลือ 1,000 บาท เพื่อหวังช่วยผู้กำลังตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ

จากนั้น โยมอ้วน ก็ได้แวะเวียนเข้ามาขอความช่วยเหลือ ทั้งมาหาเองที่วัด และโทรศัพท์เข้ามาขอเงิน โดยอ้างเหตุผลความเดือดร้อนต่างๆ นานา จึงช่วยเหลือไปอีก เพราะหวังให้เขามีชีวิตที่ดี ช่วงแรกแค่หลักพัน ระยะหลังเริ่มถี่หนักขึ้น จนมารู้ว่า อาตมามีเงินเก็บในบัญชีหลายแสนบาท จากการถูกหลอกถาม

...

เมื่อ โยมอ้วน เห็นว่า อาตมามีเงิน จึงเริ่มออกอุบาย จะขอเงินไปลงทุนเหมาเฟอร์นิเจอร์ โดยจะให้เงินตอบแทนคืน 600,000 บาท จากนั้น ก็เริ่มขอครั้งละ 140,000 ,125,000 ,100,000, 70,000 บาท รวมปลีกย่อยหลักพันถึงหลักหมื่น รวมการโอนมีสลิปยืนยัน 120 ครั้ง รวมทั้งให้เงินสด ในตลอดห้วงกว่า 1 ปี รวมจำนวนเงินที่สูญไปทั้งสิ้น 848,930 บาท จนเกลี้ยงบัญชี แต่โยมอ้วน ก็ยังไม่ละอายต่อบาป ยังสร้างความเวทนาขอเงินไม่หยุดหย่อน ทำให้อาตมาต้องนำเงินผู้สูงอายุ 700 บาท โอนไปให้ใช้อีกหลายครั้ง และทุกๆ ครั้ง โยมอ้วน ก็จะนำเรื่องเงิน 600,000 บาท ที่จะใช้คืนมาพูด ให้หลงเชื่อว่า จะได้คืนแน่นอน จึงยอมรักษาถนอมน้ำใจ เพราะหวังจะได้เงินคืน ไม่อยากให้เกิดหมางใจกันเสียก่อน

สาเหตุที่รู้ว่า อาตมาถูกหลอก เพราะมีครั้งหนึ่ง ที่นัดจะโอนเงินคืนให้ แต่กลับไม่โอนตามนัด และปิดเครื่องหนี เมื่อติดต่อได้ก็พูดบ่ายเบี่ยง แถมยังจะขอเงินไม่หยุดหย่อน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พระยสธัมโม กล่าวอีกว่า สำหรับเงิน 848,930 บาท ที่อาตมาให้โยมอ้วนไปนั้น เป็นเงินเก็บที่ได้จากการบิณฑบาต ออกกิจนิมนต์ และญาติโยมถวายให้ มาตลอดห้วงระยะเวลา 20 ปี ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ ขอฝากถึงโยมอ้วน ให้นำเงินมาคืนทั้งหมด อาตมาก็ยินดีจะอโหสิกรรม และยอมความให้ วอนขอให้ทางตำรวจจับคนตัวให้ได้ในเร็ววัน เพื่อไม่ให้ไปทำกับผู้อื่นอีก อีกทั้ง อาตมาอยากสอบถามว่า ทำไมถึงต้องทำกับอาตมาเช่นนี้ ทั้งที่อาตมาช่วยเหลือด้วยความเมตตาสงสารเสมอมา