1 ปีผ่านไป ชาวบ้านใกล้ผับเมาน์เท่น บี เผยทุกวันพระ วันโกน หมาจะมารวมตัวหอนกันทุกคืน ส่วนเหยื่อที่รอดชีวิตพร้อมแผลเป็นจากไฟไหม้ เผยนอนผวาทุกคืน ทุกวันนี้ยังไม่กล้าปิดไฟนอน

ครบรอบ 1 ปี เพลิงไหม้ MOUNTAIN B สัตหีบ เหตุการณ์ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอสัตหีบ และคนไทยทุกคน ยังจำฝังใจไม่เคยลืม โดยเมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2565 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ผับเมาน์เท่น บี สถานบันเทิงที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 26 ศพ ในจำนวนนี้เสียชีวิตทันที 13 ศพ เสียชีวิตในโรงพยาบาลอีก 13 ศพ และบาดเจ็บประมาณ 50 คน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงครั้งแรกของอำเภอสัตหีบ

วันที่ 7 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณที่เคยเป็นผับ “เมาน์เท่น บี” ริมถนนสุขุมวิท ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พบว่าตัวโครงสร้างผับ เมาน์เท่น บี ได้มีการรื้อถอนนำออกไปนานแล้ว ตอนนี้กลายเป็นที่โล่ง มีหญ้าขึ้นปกคลุมจนรก เพราะพื้นปูนอาคารได้มีการรื้อถอนจนถึงหน้าดิน มีเพียงเศษกระจกที่แตกในวันที่เกิดเหตุกระจายอยู่ทั่วไป และมีซากต้นไม้ล้มบริเวณที่เกิดเหตุถูกปล่อยไว้ไม่ได้มีการตัดหรือนำเอาออกไปแต่อย่างใด ส่วนร้านอาหารที่เปิดด้านหน้าริมถนนก็ได้ปิดกิจการไปนานแล้วจนฝุ่นขึ้นเต็มไปหมด ถือว่าปิดกิจการไปอย่างถาวรทุกร้านในพื้นที่ "เมาน์เท่น"

คุณลุงที่พักอาศัยอยู่ข้างสถานบันเทิง เมาน์เท่น บี กล่าวว่า มีแต่คนเล่าสู่กันฟังว่าตอนเกิดเหตุใหม่ๆ ก็มีคนเจอผี แต่ลุงไม่เคยเจอ ลุงก็ไม่รู้ เจอแบบว่ามีวิญญาณเดินตามแล้วก็หายไป ในช่วงแรกๆ ก็มีคนมาจุดธูปเพราะญาติพี่น้องเขาเสีย ก็มาจุดธูปตามต้นไม้และบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และมีหมาหอนบ่อยมากตลอดช่วงกลางคืน ตอนเกิดเหตุก็นอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงระเบิดดังตูมก็ลุกจากที่นอนมาดู นึกว่ามีคนจุดพลุ ที่ไหนได้คนเต็มไปหมด ไฟก็ไหม้ลุก ยางรถบนหลังคาไฟลุกเต็มไปหมด ยังไงก็ช่วยพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขาติดอยู่ข้างใน ได้แต่นั่งภาวนาอย่าให้เป็นอะไรเลย ประตูหลังไม่มีใครออกมาเลย เพราะเขาล็อกไว้ ออกได้ข้างหน้าอย่างเดียว ถ้าออกไม่ทันก็ตายอย่างเดียว พอไฟไหม้ไฟก็ดับ หาทางออกไม่เจอ 

...

ด้านคุณป้าที่อยู่ใกล้กัน กล่าวว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงผู้ชายร้องไห้เสียงดังอยู่แถวที่เกิดเหตุ ใต้ต้นโคนมะขาม คนตายมันร้อง ช่วงวันพระ วันโกน จะมีหมามานั่งหอนตรงที่เกิดเหตุ ช่วงกลางดึกวันที่ครบรอบ 1 ปี หมาก็ยังหอนเหมือนเดิม ตอนนี้ไม่มีใครเจออะไร มีแต่เสียงหมาหอน แต่เมื่อก่อนเขาเจอกัน แรกๆ เจอกันบ่อย เพราะตายทั่วพื้นที่ไปหมด วันที่เกิดเหตุก็ยังออกมาดูเลย โดยช่วงก่อนวันเกิดเหตุ หลานชายทำงานกลับมาตอนประมาณ 5 ทุ่ม เขาเห็นผู้ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดง สวมเสื้อแขนยาวคอจีน กระดุมทอง ตัวดำ หน้าผากเปิด เป็นคนแก่ วิ่งข้ามไปข้ามมาตรงศาลพระภูมิ ก่อนคืนไฟไหม้ 1 คืน หลานชายเขาหันไปมองเขาก็ยิ้มให้หลาน หลานก็ยิ้มให้เขาไป พออีกวันหลานชายมาเล่าให้ฟัง ก่อนตอนกลางคืนก็เกิดเพลิงไหม้เลย ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว ได้ยินแต่เสียงหมาหอน ช่วงแรกๆ กลัวมาก แต่ตอนนี้เฉยๆ แล้ว 

นางสาวโศภิษฐา วงคำหาญ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เล่าว่า "วันนั้นหนูนั่งอยู่หน้าเวที แล้วประมาณตี 1 ไฟเกิดปะทุตรงลำโพงฝั่งซ้าย ข้างบนหัว พอมันปะทุก็ค่อยๆ ลามขึ้นไปข้างบน ก็จะลามขึ้นไปบนหลังคา และลามไปทั่วร้าน ก่อนที่ไฟในร้านจะดับลง หนูก็พยายามวิ่งหนีออกไปหน้าร้าน แต่ก็ออกไม่ทันเพราะมันระเบิดก่อน ล้มอยู่หน้าประตู มีน้องคนหนึ่งออกมาทัน เราได้รับบาดเจ็บ ส่วนอีกคนเสียชีวิต ก่อนที่ทางเจ้าของร้านจะเยียวยารวมมาทั้งหมด 110,000 บาท พอหลังๆ ข่าวเงียบ ก็เงียบไปตามข่าว โดยมีทางเทศบาลเมืองสัตหีบ และกระทรวงยุติธรรม มอบเงินช่วยเหลือเยียวยามาให้"

โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาภาพยังฝังใจ ก่อนนอนทุกคืนยังมีภาพวนเวียนในหัวทุกคืนไม่เคยลืม เวลาพูดถึงและนึกถึงเหตุการณ์ยังมีหน่วงๆ ในใจ โดยมีแผลจากไฟไหม้ทีแขนซ้าย ขาทั้งสองข้าง และก้นและแผ่นหลังบางส่วน

นางสาวรัชสิกา ดุจจานุทัศน์ อายุ 25 ปี เหยื่อผู้เสียหายอีกรายได้กล่าวว่า "หนูไปกับเพื่อนที่เป็นแฟนนักร้องที่มาร้องแทนนักร้องวันนั้น ขณะไปเข้าห้องน้ำไฟเกิดดับ ก่อนจะมีคนตะโกนไฟไหม้ต่างวิ่งหนีชุลมุนไปหมด ต่างเอาตัวรอดกันหมด เอาโทรศัพท์ทุบกระจกหน้าร้าน แต่ไม่แตก ก่อนวิ่งออกมาทางประตู ขณะนอนโรงพยาบาล ทางเจ้าของร้านได้ติดต่อและให้ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลรอบละ 1 หมื่น รวมเป็นเงิน 1 แสนบาท หลังจากนั้นก็เงียบไปเลย ทุกวันนี้ยังไม่เคยนอนปิดไฟเพราะจะมีอาการผวา วิตกกังวล เวลาอยู่คนเดียวมักจะชอบคิดเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าอยู่ในที่เสียงดังๆ มันวนเข้ามาในหัว"

สำหรับการเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ เบื้องต้นทางหน่วยราชการได้มีการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาครบทุกหน่วยงานแล้ว.