"กองทัพเรือ" นำญาติกำลังพล "เรือหลวงสุโขทัย" ที่เสียชีวิต ขึ้น ฮ.บินไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่บางสะพาน ก่อนนำศพกลับอย่างสมเกียรติ ดั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยและเมตตา ขณะที่ ผบ.กองเรือยุทธการ ลั่นวันเวลาไม่อาจย้อนกลับไปได้ จะขอทำข้างหน้าให้ดีที่สุด


ความคืบหน้าเหตุการณ์ เรือหลวงสุโขทัย อับปาง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เปิดเผยถึงแนวทางการลำเลียงผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย จากเหตุเรือหลวงสุโขทัย ล่ม ว่า สำหรับศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย ณ สโมสรสัญญาบัตร กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีหน้าที่ดูแลญาติผู้เสียชีวิตและสูญหาย ซึ่งขณะนี้ได้ติดตามเฝ้าดูรายชื่อผู้สูญหายว่าอยู่ที่ไหนมีใครพบเจอหรือยัง หากท่านใดที่มีข่าวร้ายทางศูนย์แห่งนี้จะดูแลตั้งแต่ทายาทจากทางสัตหีบ นำขึ้นเครื่องบินเพื่อไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่บางสะพาน ทั้งนี้เมื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ทราบว่าเป็นใครจึงจะเริ่มกระบวนการนำศพกลับมาที่สัตหีบ ซึ่งคนป่วยทุกรายรวมถึงศพทุกศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้ง ทางทร.จะดำเนินตามขั้นตอนเพื่อให้สมเกียรติ ทั้งการตั้งขบวนกองเกียรติยศในการรับศพ

...

ขณะนี้ได้เตรียมการในการดูแลญาติและครอบครัวอย่างสุดกำลัง โดยศพจะมีการเคลื่อนย้ายมาที่สนามบินอู่ตะเภา และจะนำเข้าฌาปนสถานกองทัพเรือ ซึ่งจะมีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และประกอบพิธีหลวงอย่างน้อย 1 คืน หากศพรายใดเป็นคนต่างจังหวัดทางกองทัพเรือก็จะลำเลียงศพเพื่อไปประกอบพิธีที่ต่างจังหวัด ซึ่งกองทัพเรือจะดูแลจนกว่า จะมีพิธีฌาปนากิจศพ โดยทุกขั้นตอนต่อจากนี้ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างสมเกียรติสมดั่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยและเมตตา

โดยภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ได้มีการจัดตั้งจุดวันสต๊อปเซอร์วิส ในการอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้เสียชีวิต ทั้งการประสานเรื่องของเงินประกันชีวิตและเงินฌาปนกิจ รวมถึงเงินที่กองทัพเรือจะได้มอบให้ ซึ่งจะมีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย แห่งนี้ ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกองทัพเรือเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความเสียหายและการเสียชีวิตในครั้งนี้ แต่กาลเวลาไม่สามารถย้อนไปได้ ตัวเองก็จะขอทำข้างหน้าให้ดีที่สุด

พลเรือเอก อะดุง เปิดเผยต่ออีกว่า จากนี้จะนำญาติผู้เสียชีวิตบางรายไปพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อให้ญาติยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตก่อนจะลำเลียงมายังสนามบินอู่ตะเภา เพื่อนำมาประกอบพิธีการทางศาสนา โดยญาติผู้เสียชีวิตจะเดินทางด้วยเครื่องบินของกองทัพเรือ โดยจะใช้เวลาในการเดินทางจากสัตหีบไปบางสะพาน ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งหากมีการพิสูจน์อัตลักษณ์เสร็จ ก็จะนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมา หากพิสูจน์อัตลักษณ์เสร็จพร้อมกันทั้ง 6 ศพ ก็ลำเลียงมาด้วยเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ แต่หากการพิสูจน์อัตลักษณ์เสร็จไม่พร้อมกัน ก็จะใช้เครื่องบินลำเล็กในการลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตกลับมาที่สัตหีบ

ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว โดยอยู่ระหว่างการเดินทางของญาติทั้งเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและเดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพเรือที่จัดเตรียมไว้ให้

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมญาติและครอบครัว ผู้เสียชีวิต และผู้สูญหาย จำนวน 3 ครอบครัว เดินทางมายัง ฝูงบิน 2 หน่วยบินเรือหลวงจักรีนฤเบศร กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ก่อนส่งขึ้น เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบ S-70 B (ซีฮอว์ก) จำนวน 2 เครื่อง ไปยัง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปพิสูจน์อัตลักษณ์ ร่างผู้เสียชีวิต ที่บางสะพาน ทั้งนี้เมื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ทราบว่าเป็นใครจึงจะเริ่มกระบวนการนำศพกลับมาที่สัตหีบ

...

โดยขณะนี้ทางกองทัพเรือ ได้เตรียมการในการดูแลญาติและครอบครัว ผู้เสียชีวิต อย่างสุดกำลัง โดยศพ หลังจากเสร็จขบวนการ พิสูจน์อัตลักษณ์ จะมีการเคลื่อนย้ายมาที่ สนามบินอู่ตะเภา และจะนำมายัง ฌาปนสถานกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งจะมีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และประกอบพิธีหลวงอย่างน้อย 1 คืน หากศพรายใดเป็นคนต่างจังหวัด ญาติประสงค์จะเคลื่อนย้ายกลับบ้าน ทางกองทัพเรือก็จะลำเลียงศพเพื่อไปประกอบพิธีที่ต่างจังหวัดให้.