3 พ่อแม่ลูกคนงานชาวกัมพูชา ถูกช้างป่าบุกทำร้ายกลางดึกที่แก่งหางแมว รุ่งเช้า จนท.เข้าตรวจสอบ ผงะเจอดินยุบเป็นรูปศีรษะลึกกว่า 3 นิ้วมีเส้นผมติด ยันเป็น 1 ในผู้บาดเจ็บ เตือนระวังช้างตัวนี้ดุ
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 28 พ.ย. 65 นายนิรุต พุฒจันทร์ หน.ชุดติดตามป่าอ่างฤาไน เขต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี รับแจ้ง จากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลพวา ว่าเกิดเหตุช้างป่าทำร้ายคนงานตัดไม้ยางพารา ผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นพ่อแม่ลูก ชาวกัมพูชา จึงประสานนำกำลังเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ เมื่อไปถึงพบว่าเพื่อนร่วมงานช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลแก่งหางแมว ไปก่อนแล้ว จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเต็นท์ที่พัก ข้าวของเครื่องใช้ มีร่องรอยถูกช้างพังทำลายเสียหาย นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าช้างขนาดใหญ่กระจายรอบบริเวณ โดยเฉพาะพื้นดินจุดที่อ่อนมีรอยยุบเป็นรูปศีรษะ ลึกราว 3 นิ้วและมีเส้นผมของผู้หญิงติดอยู่หลายเส้น
...
จากการสอบถามคนงานอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บชื่อ นายวิโบล เยน อายุ 35 ปี นางวันทา โซ อายุ 37 ปี ด.ช.เยน นาเวน อายุ 5 ขวบ ทั้ง 3 เป็นชาวกัมพูชา และเป็นพ่อแม่ลูก มาตั้งแคมป์รับจ้างตัดไม้ยางพาราในพื้นที่หมู่ที่ 6 พวา จำนวน 9 คน ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ในคืนเกิดเหตุทุกคนเข้านอนปกติ จนเวลาประมาณ 02.00 น. นายวิโบล ปวดฉี่ประกอบกับได้ยินหมาเห่าจึงตื่นลุกออกมา มองเห็นช้างตัวสูงใหญ่ มีงายาว 1 ตัวยืนอยู่ห่างกันราว 10 เมตร จึงรีบวิ่งมาที่เต็นท์ปลุกให้เมียหนี ส่วนตัวเองคว้าลูกชายมาอุ้ม จังหวะนั้นช้างตามมาใช้งวงฟาดเข้ากลางหลังจนล้มทั้งคู่ และช้างได้เหยียบซ้ำบริเวณขา แล้วช้างเดินเข้าทำร้ายเมียที่ยังอยู่ในเต็นท์ จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนงานที่พักใกล้กัน มาขับไล่จนช้างเดินหนีหายไปกับความมืด จากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งนายจ้างมาช่วยเหลือดังกล่าว
สำหรับอาการนายวิโบล (พ่อ) มีบาดแผลถลอกที่ขา เจ็บบริเวณสันหลัง ขาทั้ง 2 ข้างยกไม่ขึ้น นางวันทา (แม่) มีบาดแผลถลอกที่ขา เจ็บที่ขาขวา เจ็บปวดบริเวณศีรษะ ส่วน ด.ช.เยน (ลูก) มีบาดแผลที่บริเวณหน้า น่าจะเกิดจากการล้มขณะพ่ออุ้มพาวิ่งหนีช้าง เบื้องต้นแพทย์ให้นอนสังเกตอาการที่โรงพยาบาลแก่งหางแมวรอให้แพทย์เอกซเรย์ ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายนิรุต พุฒจันทร์ หน.ชุดเฝ้าระวังช้างป่าเขาอ่างฤาไน ฝากเตือนให้ชาวบ้านระวังเนื่องจากช้างตัวนี้มีนิสัยดุร้าย มักออกจากเขตป่ามาหากินบ่อยครั้ง แม้แต่ จนท.ยังเคยถูกไล่ทำร้ายระหว่างผลักดัน หากพบเจอโดยบังเอิญให้หนีและแจ้ง จนท.บ้านเมืองให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทัน ล่าสุดพบว่าช้างตัวดังกล่าวยังคงวนเวียนใกล้ที่เกิดเหตุ จึงจัดกำลังติดตามผลักดันเข้าป่าต่อไป.