ตำรวจเร่งสางคดีตรวจผับ “Club One Pattaya” หลังผู้บริหารอ้างจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ไปแล้วและนักเที่ยวร่วม 200 คนหนีตรวจฉี่ ตรวจสอบเจ้าของเป็นชาวจีนมีประวัติคดีฟอกเงินและยาเสพติด เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอ ผวจ.ชลบุรี สั่งปิด 5 ปี พร้อมขยายผลนักเที่ยวเสพยาทิ้งยาเสพติดเกลื่อนพื้น
จากเหตุตำรวจและฝ่ายปกครองเข้าตรวจค้น “Club One Pattaya” ย่านถนนเพ็ชรตระกูล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกิดปะทะคารมกับผู้บริหารผับอ้างจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่แล้วมาจับทำไม ส่วนนักเที่ยวร่วม 200 คน พากันแตกฮือไม่ให้ตรวจปัสสาวะกรูวิ่งหนีออกจากผับ ตำรวจยึดห่อพลาสติกใสภายในมีผงสีขาวคล้ายสารเสพติดเกลื่อนพื้น ดำเนินคดีกับคนดูแลแจ้ง 4 ข้อหา จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และยินยอมหรือปล่อยปละ ละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติด เข้าไปสถานที่ของตน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง พัทยา ต่อมานายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร อายุ 45 ปี และนายแบงก์ วรรณสีทอง อายุ 46 ปี ผู้บริหารผับดังกล่าว ออกมาชี้แจง พูดไปเพราะความเมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่ห้องประชุม สภ.เมืองพัทยา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบหมายจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จากนั้น พล.ต.ท. ภาณุรัตน์กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีชายแสดงพฤติกรรมโวยวายเจ้าหน้าที่ ทำให้สะเทือนถึงความเชื่อมั่นของผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำให้ ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร.กำชับสั่งการให้ดำเนินคดีกับทุกฝ่าย เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีกับนายมนู ยิ้มอยู่ อายุ 37 ปี ผู้ดูแลผับ ในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สถานบันเทิง และ พ.ร.บ.จำหน่าย สุรา เมื่อดูคลิปในวันเกิดเหตุอย่างละเอียด อาจจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม อีกทั้งเตรียมประสานเมืองพัทยาเพื่อเข้าตรวจสอบในเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ว่า ขออนุญาตใช้อาคารที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้เตรียมสอบสวนเจ้าของผับตัวจริงทราบชื่อนายกู๋เอี๋ยว เป็นชาวจีน มีประวัติเกี่ยวข้องคดีฟอกเงินและยาเสพติด รวมถึงหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นคนไทยทั้งหมด
...
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวอีกว่า สั่งการให้ ผกก.สภ.เมืองพัทยา รวบรวมสำนวนการสอบสวนทั้งหมด และเร่งทำเรื่องเสนอ ผวจ.ชลบุรี สั่งปิดสถานบันเทิงดังกล่าว 5 ปี ตามคำสั่ง คสช. 22/2558 ส่วนยาเสพติดจำนวนมากที่ตกอยู่ในผับให้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบหารอยนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ในส่วนกรณีชายที่ปรากฏในคลิปพูดพาดพิงถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เรื่องนี้ถือว่าให้เป็นเรื่องของผู้ที่ถูกพาดพิงจนได้รับความเสียหาย ใครที่เสียหายต้องไปดำเนินการตามขบวนการของกฎหมาย ส่วนประเด็นสุดท้ายเรื่องนักเที่ยวร่วม 200 คนไม่ยอมให้ตรวจปัสสาวะพากันแตกฮือออกจากผับ เรื่องนี้ดูคลิปกันหลายรอบพบว่ามีชายฉกรรจ์ 3 คน พยายามปลุกปั่นให้นักเที่ยวลุกฮือหนีออกจากผับ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับชายทั้ง 3 คนที่ปรากฏในคลิปข้อกล่าวหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่