ครอบครัวสุดเศร้า วิศวกรหนุ่มอนาคตไกลเหยื่อผับมรณะ “เมาน์เท่น บี” สิ้นลมหายใจเป็นศพที่ 21 หลังเข้ารักษาตัวใน รพ.เลิดสิน ย่านบางรัก นานถึง 22 วัน แพทย์ต้องตัดขาหวังยื้อชีวิตเพราะเนื้อตายและมีอาการติดเชื้อ แต่สภาพร่างกายผู้ป่วยอ่อนแอจนจากไปอย่างสงบ พ่อแม่ร่ำไห้รับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทานฯ เผยยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากเจ้าของผับ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลสถานบันเทิงให้ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย ด้านเพจประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีโพสต์ข้อมูลยังมีผู้ป่วยวิกฤติใส่ท่อช่วยหายใจอีก 7 ราย
จากโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญเพลิงไหม้ผับ Mountain B (เมาน์เท่น บี) สถานบันเทิงชื่อดังเปิดใหม่ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ส.ค. มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 ศพ บาดเจ็บร่วม 40 คน ในจำนวนนี้มีอาการโคม่าถูกไฟลวกร่างกาย 70-80% กว่า 15 คน แยกย้ายรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อโรงพยาบาลทั้งในพื้นที่เกิดเหตุ และกรุงเทพฯ ต่อมามีผู้บาดเจ็บสาหัสทยอยเสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ศพ รวมมีผู้เสียชีวิต 20 ศพ ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเป็นศพที่ 21 แล้ว
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณภัทร หรือฟุ้ง ฟุ้งธรรมสาร อายุ 28 ปี วิศวกรหนุ่มอนาคตไกล 1 ในผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาน์เท่น บี ที่เข้ารักษาตัวใน รพ.เลิดสิน เขตบางรัก กรุงเทพฯ นาน 22 วัน แพทย์ได้ตัดขาไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค.เพื่อรักษาชีวิต เนื่องจากเนื้อตายและมีการติดเชื้อ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ สิ้นลมหายใจอย่างสงบเป็นรายที่ 21 ญาตินำศพไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาจากเจ้าของผับยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากญาติ
...
จากข้อมูลเพจประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี โพสต์สรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจำนวน 21 ราย กลับบ้าน 15 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 19 ราย (ผู้ป่วยวิกฤติใส่ท่อช่วยหายใจ 7 ราย) ดังนี้ รพ.ชลบุรี 1 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รพ.สมเด็จฯ ณ ศรีราชา 2 ราย รพ.แหลมฉบัง 1 ราย รพ.ม.บูรพา 1 ราย รพ.ระยอง 1 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รพ.รามา 1 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รพ.พระมงกุฎ 1 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รพ.พระปิ่นเกล้า 2 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย) รพ.นพรัตน์ 3 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ 1 ราย) รพ.เลิดสิน 1 ราย รพ.เจริญกรุง 1 ราย รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ 1 ราย รพ.จุฬา 1 ราย (ใส่ท่อช่วยหายใจ) รพ.ภูมิพล 1 ราย และ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 1 ราย
เวลา 17.00 น. ที่ศาลาจารุมิลินท วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายไสว ฟุ้งธรรมสาร อายุ 60 ปี และนางศิวพร ฟุ้งธรรมสาร อายุ 59 ปี พ่อและแม่นำศพนายณภัทร ฟุ้งธรรมสาร อายุ 28 ปี บุตรชาย มาบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว ญาติ และกลุ่มเพื่อน ศพนายณภัทรจะทำพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลถึงวันที่ 30 ส.ค. และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 31 ส.ค. เวลา 10.00 น.
นางศิวพรที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเผยว่า หลังเกิดเหตุไฟไหม้ผับช่วงดึกวันที่ 5 ส.ค. บ่ายวันที่ 6 ส.ค. ลูกชายถูกส่งมารักษาที่ รพ.เลิดสิน จนเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.40 น. ที่ผ่านมา ช่วงที่รักษาตัวลูกชายอยู่ในขั้นวิกฤติมาตลอด เพราะถูกไฟไหม้ร่างกาย 95% ช่วงแรกยังสื่อสารได้ระยะหลังไม่สามารถสื่อสารได้แล้ว ต้องผ่าตัด 2 รอบ แต่อาการไม่ดีขึ้น หลังเกิดเหตุยังไม่ได้รับการเยียวยาอะไรเลย เจ้าของผับให้ตนส่งหมายเลขบัญชีไปให้ เพื่อจะช่วยเรื่องเงินค่าทำศพ แต่ตนไม่ได้ส่ง ส่วนหน่วยงานรัฐยังไม่มีหน่วยงานไหนติดต่อเข้ามาช่วยเหลือ เขาแจ้งว่าให้ญาติไปติดต่อเอาเอง ยอมรับว่าลำบากเพราะตนไม่มีญาติหรือคนรู้จักที่ จ.ชลบุรี สำหรับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด สสจ.ชลบุรี เป็นผู้ดูแล แต่เรื่องค่าจัดงานศพครอบครัวจัดการเองทั้งหมด
นางศิวพรกล่าวต่อว่า ลูกชายเป็นวิศวกรทำงานที่ จ.นนทบุรี และมีไซต์งานที่ จ.ชลบุรี วันเกิดเหตุไปทำงานที่ จ.ชลบุรี รู้สึกเห็นใจลูกชายเพราะเขามีความฝันที่จะทำอะไรอีกมากมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล สถานที่แบบนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าปิดหูปิดตากันแล้วเปิดขึ้นมาทั้งที่รู้ว่าไม่ได้มาตรฐาน หน่วยงานต่างๆต้องเข้ามาตรวจสอบจัดการให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันสูญเสียกับประชาชน มีทั้งคนบาดเจ็บและครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักไป ทุกคนสภาพจิตใจย่ำแย่ บางคนอาจเข้าขั้นซึมเศร้า ตนยังรับไม่ได้กับการที่ลูกชายจากไปก่อนวัยอันควร