กองทัพเรือ ส่งเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ ระดมฉีดสารเคมีขจัดคราบน้ำมันดิบอ่าวมาบตาพุด ล่าสุดในภาพรวม สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เหลือกลุ่มคราบน้ำมันไม่มาก เร่งฉีดน้ำยาสลายและตรวจเก็บคราบน้ำมันที่ยังหลงเหลือ
วันที่ 27 ม.ค. กองทัพเรือ โดย ฝูงบิน 2 หน่วยบินเรือหลวงจักรีนฤเบศร กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ (S-70B) พร้อมติดตั้งชุดโปรยสารเคมี โดยมี เรือเอก จักรเพชร พิศปั้น นักบินที่ 1 และ เรือเอก พลัฏฐ์ ดิถดนัยธิวัฒน์ นักบินที่ 2 ขึ้นสู่ภาคพื้นอากาศ ทำการโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมันในทะเล พื้นที่อ่าวมาบตาพุด จ.ระยอง
สืบเนื่อง เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 ได้เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบใต้ทะเล บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล เกิดการรั่วไหล ห่างชายฝั่งนิคมมาบตาพุดออกไปราว 5 ไมล์ทะเล ส่งผลให้น้ำมันดิบแผ่กระจายตัวเป็นวงกว้าง ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า มีเพรียงทะเลเกาะท่อส่งน้ำมันทำให้เกิดการกัดกร่อน จนเกิดการชำรุดน้ำมันรั่วไหล
เบื้องต้น กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 และกองการบินทหารเรือ ได้ส่งเรือตรวจการณ์ และอากาศยาน ทำการฉีดสารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน ทั้งทางภาคพื้นทะเลและภาคพื้นอากาศ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้โดยเร็วที่สุด
...
ขณะที่นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการ์ได้แล้ว เหลือกลุ่มคราบน้ำมันไม่มาก โดยกรมเจ้าท่าได้จัดเรือตรวจการณ์ 804 พร้อมเจ้าหน้าที่และนำน้ำยา dispersants ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจเพื่อเก็บตกคราบน้ำมันที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่และฉีดน้ำยาเพื่อสลายก่อนที่จะเคลื่อนเข้าหาฝั่ง
ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.คำรณ จีนอ่ำ รองสว.สอบสวน สภ.มาบตาพุด ได้รับแจ้งจาก น.ส.อรพิน ท่วงที นักวิชาการขนส่งปฏิบัติการ สำนักงานเจ้าท่าระยอง ได้รับมอบอำนาจจากนายวงศกร นราธาวา รักษาการผู้อำนวยการเจ้าท่าระยอง แจ้งความดำเนินคดี บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง กระทำความผิดฝ่าฝืนมาตรา 119 ทวิ แห่งพรบ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และแก้ไขเพิ่มเติม อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท