เจ้าของร้านทองชื่อดังสัตหีบ เปิดให้ลูกค้าลงทุนค้าทองคำแท่ง โร่มอบตัว ตร.ภาค 4 หลังถูกออกหมายจับในคดี "ฉ้อโกงประชาชน" ความเสียหายเกือบ 900 ล้านบาท ให้การปฏิเสธ พร้อมเจรจาคืนเงินทุกราย

เวลา 14.00 น. วันที่ 6 ม.ค.63 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.มาโนช สุภาพพูล ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบก.สส.ภ.4 ทำการสอบปากคำ นางรัตนา ภูวรัตนกุล อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 442 ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอต่อสู้คดีจากการตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาที่ 437/2562 ลงวันที่ 27 ธ.ค.2562 ในความผิดฐานร่วมฉ้อโกงประชาชน

พล.ต.ต.มาโนช สุภาพพูล ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดในช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อทราบว่าตัวเองถูกออกหมายจับจึงประสานงานไปหาครอบครัวที่ จ.ชลบุรี ทราบว่าสามีได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวไปแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางมาที่ จ.ขอนแก่น เพื่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4

จากการสอบสวนในเบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา พร้อมต่อสู้คดีในเรื่องที่เกิดขึ้น และจากการประสานงานไปยัง สภ.เมืองพัทยา พบว่าได้มีผู้เสียหาย 165 ราย เข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ตัวผู้ต้องหาและสามี คือ นายพรพจน์ ภูวรัตนกุล ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ฟิวเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมลงทุนในการซื้อขายทองคำแท่ง แต่ช่วงสิ้นปี 2562 ได้ปิดบริษัทหนีหายไป ทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงินประมาณ 845 ล้านบาท

ผบก.สส.ภ.4 กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทออสสิริสฯ เป็นบริษัทที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจในการลงทุนซื้อขายทองคำแท่งได้เข้ามาร่วมลงทุน มีสาขาให้บริการทั้งหมด 4 สาขา ซึ่งจัดเป็นบริษัทค้าทองคำรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปี เมื่อมีนักลงทุนนำเงินมาลงทุนในการซื้อขายทองคำแท่ง ทางบริษัทฯ จะออกหลักฐานการลงทุนให้เป็นใบเสร็จในการซื้อขายให้ โดยมีผู้สนใจร่วมลงทุนตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักหลายล้านบาท จนกระทั่งในระยะหลังเริ่มผิดปกติ เมื่อนักลงทุนต้องการที่จะได้ทองคำจริงออกมาแทนเอกสาร แต่บริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ และในช่วงก่อนปีใหม่ นักลงทุนต่างทยอยนำใบเสร็จที่ได้รับไปขอคืนเงินและขอทองคำคืนเพื่อเตรียมไว้ใช้ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่บริษัทฯ ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ และปิดทำการไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา

...

ขณะที่ นางรัตนากล่าวกับสื่อมวลชนขณะแถลงข่าวว่า เปิดร้านทองและเปิดบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ฟิวเจอร์ จำนวน 4 สาขา ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมลงทุนมาร่วมลงทุนในการซื้อขายทองคำแท่ง หรือการออมเงิน ออมทองมา 10 กว่าปี มีผู้ร่วมลงทุนจำนวนมาก และมีเงินร่วมทุนมากเช่นกัน ที่ผ่านมาหมุนเงินให้ลูกค้าได้ทันความต้องการมาโดยตลอด และจำนวนผู้ร่วมทุนนั้นอาจจะมีมากกว่า 165 ราย ส่วนจำนวนเงินก็อาจจะมากกว่า 845 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ขอยืนยันตัวเลขความเสียหาย

"ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดีในชั้นศาล เพราะเปิดบริษัทฯ มีชื่อเสียงในการค้าขายทองคำในพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย แต่ด้วยช่วงปลายปี นักลงทุนมาขอรับทองและขอคืนเงินจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถที่จะสั่งจ่ายได้พร้อมกัน และช่วงวันหยุดปีใหม่ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่ จ.อุดรธานี  ทราบข่าวว่ามีนักลงทุนไปแจ้งความจับ ต่อมาสามีเข้ามอบตัว ส่วนตัวเองก็ไม่กล้าไปมอบตัวที่พัทยา เพราะกลัวถูกทำร้าย จึงตัดสินใจติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจภาค 4 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หนีไปไหนและยินยอมที่จะเจรจากับนักลงทุนว่าจะคืนเงินให้ทุกคนตามความเป็นจริงทุกราย และไม่ขอให้ข้อมูลอะไรไปมากกว่านี้ ขอตรวจสอบรายละเอียดและเอกสารต่างๆ ก่อน เพราะจาการดำเนินการมา 10 ปีมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งทุกราย บริษัทฯ มีเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งหมด จึงขอตรวจสอบข้อมูลก่อนจึงจะสามารถทยอยชดเชยคืนให้”

ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.4 จะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป.