ลูกค้า ธ.ก.ส.ที่พัทลุง เผยธนาคารบังคับลูกหนี้ทำประกันชีวิต แต่ไม่ยอมแจงรายละเอียด พอตาย กลับไม่ได้เงิน แถมถูกบอกล้างกรมธรรม์ หาว่าปิดบังเรื่องป่วยเรื้อรัง เหมือนเป็นการเอาเปรียบโดยต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน  

วันที่ 20 พ.ย. ได้มีนางสุภาภรณ์ แหละหมัน อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 หมู่ 2 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง พร้อมเพื่อนบ้านที่เป็นกลุ่มลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาแม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง รวมตัวร้องเรียนสื่อมวลชน กรณีธนาคารบังคับให้ลูกค้าที่กู้เงินจากธนาคาร ต้องทำประกันชีวิต 1 ฉบับ ต่อ 1 สัญญาเงินกู้ โดยในการทำประกันชีวิต เจ้าหน้าที่ธนาคารชี้แจงเพียงว่า หากผู้กู้เสียชีวิตก็จะสามารถหักลบกลบหนี้ที่มีกับทางธนาคารไม่ให้เป็นภาระกับผู้อื่น แถมยังมีเงินเหลือให้กับทายาทอีกด้วย ในแต่ละรายจะต้องจ่ายเงินค่าประกันชีวิตอยู่ที่ 900-1,400 บาทต่อประกัน 1 ฉบับ

นางสุภาภรณ์ กล่าวว่า ในข้อกำหนดของทางธนาคาร ชาวบ้านทุกคนที่เป็นลูกหนี้เงินกู้ต่างก็ให้ความร่วมมือในการทำประกันชีวิตกับทางธนาคาร เพื่อหวังว่าหากต้องเสียชีวิตลงก่อนหน้าที่จะผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารแล้วเสร็จ จะได้ไม่เป็นภาระกับลูกหลาน และคนในครอบครัว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา นางสาวมะลิหยะ แหละหมัน อายุ 56 ปี พี่สาวของตนเสียชีวิตลง โดยแพทย์ระบุในใบมรณบัตรสาเหตุการตายเพราะปอดติดเชื้อ แต่กลับไม่ได้เงินประกันชีวิตจากบริษัทที่รับทำประกัน

"แถมในวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางบริษัทประกันภัยได้มีหนังสือแจ้งบอกล้างกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองสินเชื่อในโครงการสินเชื่อสบายใจ หลังจากที่ นายธนรัตน์ แหละหมัน ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ ตามที่ระบุในสัญญาประกันทำเรื่องเรียกร้องขอสินไหม มรณกรรม โดยทางบริษัทชี้แจงในหนังสือว่า จากการตรวจสอบพบว่าสุขภาพของผู้เอาประกันไม่อยู่ในเกณฑ์การรับประกันของบริษัท เนื่องจากผู้เอาประกันสุขภาพไม่สมบูรณ์ มีประวัติเป็นโรคไตวายเรื้อรัง แต่ไม่ได้เปิดเผยความจริงนี้อันเป็นสาระสำคัญต่อการพิจารณารับประกันภัยให้กับบริษัทได้ทราบ เป็นเหตุให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865"

...

นางสุภาภรณ์ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ในการทำประกันของทางธนาคารว่าไปก็เปรียบเสมือนการบังคับทำ และไม่ได้ชี้แจงในรายละเอียดปลีกย่อยให้กับประชาชนได้รับทราบ แค่เอาเอกสารมาให้เซ็นแล้วหักเงินค่าทำประกันไป จะให้ประชาชนมานั่งอ่านเอกสารทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ธนาคารนำมาให้ เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าลูกค้า ธ.ก.ส.เป็นกลุ่มเกษตรกร บางคนอ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ เหมือนกรณีของนางสาวมะลิหยะ พี่สาวที่เสียชีวิตลง ก็ไม่ได้ทราบมาก่อนว่าหากมีประวัติป่วยเป็นโรคจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชย และเชื่อว่าสมาชิกที่กู้เงินและถูกธนาคารบังคับทำประกันอีกหลายคนก็คงไม่ทราบในกรณีนี้ เพราะในขณะทำก็ไม่ได้มีการตรวจสุขภาพ และไม่ได้มีการแจ้งลงลึกในรายละเอียดของเงื่อนไขประกันชีวิต

"หากพี่สาวไม่ตาย ก็คงไม่ทราบว่าไม่สามารถเบิกเงินได้ เสมือนการเรียนรู้ประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วยชีวิต" เธอกล่าวพร้อมป้ายน้ำตา

เช่นเดียวกัน นางพัชรี ขุนจันทร์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 2 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กล่าวเช่นเดียวกันว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารจำนวนหลายใบมาให้เซ็น พร้อมอธิบายแค่เพียงว่า หากเสียชีวิตลงจะได้ใช้เงินประกันในการชำระหนี้ ไม่ต้องเป็นภาระกับผู้ที่อยู่ข้างหลัง และแถมยังมีเงินเหลือให้กับลูกๆ อีกด้วย ตนและเพื่อนๆ ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ในกลุ่มเดียวกัน ไม่มีใครทราบเรื่องหากป่วยแล้วจะไม่ได้รับเงินชดเชย เสมือนการหลอกลวงให้ทำประกันชีวิต

อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกลุ่มชาวบ้านที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ในพื้นที่ อ.ตะโหมด ได้เรียกร้องให้ทางธนาคารได้รับผิดชอบให้ช่วยเหลือครอบครัวของนางสาวมะลิหยะซึ่งเสียชีวิตลง พร้อมให้ใช้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่าง หากประสงค์จะให้ลูกค้าธนาคารฯ ทำประกันชีวิตกับบริษัทที่เข้าร่วมกับทางธนาคาร ขอให้มีการทำความเข้าใจชี้แจงในรายละเอียดทุกประเด็นให้ชาวบ้านที่ทำประกันภัยได้เข้าใจ ไม่ใช่อธิบายแค่ส่วนหนึ่ง แล้วบังคับทำเพื่อประโยชน์ของทางธนาคารและบริษัทประกัน อย่างที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามข้อมูลไปยัง ธ.ก.ส. เพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป