ครอบครัวตัญกาญจน์ ไม่เดียวดาย ทีมทนายเข้าช่วย ล่าสุดศาลทหาร รับฟ้องคดีน้องเมยถูกรุ่นพี่ทำร้าย เดินหน้า 3 ศาล “อาญา-แพ่ง-ปกครอง” ไม่ให้ตายฟรีแน่นอน ด้านแม่ยังทำใจไม่ได้ ยิ่งเห็นเสื้อผ้าลูกชาย...
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายพิเชษฐ-นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อแม่และพี่สาวน้องเมย หรือ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเสียชีวิตท่ามกลางความคลางแคลงสงสัย ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้ง โดย น.ส.สุพิชา หรือ “เมี่ยง” พี่สาวน้องเมย กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาจะดูเหมือนว่าทางครอบครัวต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่ขณะนี้ทางครอบครัวเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อมีทีมทนายความเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องของกฎหมาย ที่สำคัญยังไม่เคยคิดว่าคดีจะเดินมาไกล ได้ถึงการรับฟ้องของอัยการศาลทหาร มทบ.12 กับรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องแล้ว 1 คน ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ น้องเมย จะเสียชีวิต
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเพิ่มอีก 1 คน ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้อง ช่วงเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค. 2560 ซึ่งเป็นคดีอาญาที่ต่อเนื่องจากคดีแรกที่ผู้ต้องหาถูกฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีที่ 2 เป็นการทำร้ายร่างกายขณะที่ผู้ตายอยู่ในคำสั่งพักฟื้นของแพทย์ คือ เป็นการสั่งธำรงวินัยทั้งๆ ที่ในใบรับรองแพทย์ระบุว่า ให้ชะลอการฝึกออกไปก่อน นอกจากนั้น ยังมีในส่วนของคดีทางแพ่ง และทางศาลปกครอง
ด้าน นายพิเชษฐ บิดาน้องเมย กล่าวยืนยันว่า ทางครอบครัวไม่ได้ทะเลาะกับกองทัพ หรือโรงเรียนเตรียมทหาร เพียงแต่มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพและจากโรงเรียนเตรียมทหารบางรายที่ยังพยายามปกปิดข่าว ซึ่งหลังจากที่ได้มีการขึ้นศาลทหารแล้ว เราเห็นได้ชัดเลยว่า โรงเรียนเตรียมทหาร ดูแลเด็กของโรงเรียนแตกต่างกัน ทั้งๆ ที่ น้องเมย ก็เป็นนักเรียนเตรียมทหาร แต่มีแค่ครอบครัวทวงถามหาความเป็นจริงถึงสาเหตุการตายให้เท่านั้น ส่วนผู้ถูกกล่าวหา มีทั้งนายทหารพระธรรมนูญ เจ้าหน้าที่โรงเรียน และมีรถโรงเรียนรับ-ส่ง ระหว่างเดินทางไปขึ้นศาล ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ก็เป็นนักเรียนเตรียมทหารด้วยกันทั้งคู่
...
“มันทำให้น้อยใจมาก และพอดูออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมอยากให้พี่ๆ น้องๆ นักข่าวไปเห็นภาพในวันนั้นด้วยเหมือนกัน” นายพิเชษฐ กล่าว
ขณะที่ นางสุกลัยา แม่น้องเมย กล่าวว่า แม้จะผ่านเวลามานานถึง 161 วัน แต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ดีขึ้นจากวันแรก และยิ่งเมื่อได้เห็นเสื้อผ้าและของใช้ของลูกชายที่นำกลับมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และเพิ่งนำเข้าบ้านเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ยิ่งทำให้รู้ว่ายังทำใจไม่ได้
พ.ต.อ.สุธี แพทย์รังสี ที่ปรึกษา บริษัท บาร์ริสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลลอว์เฟิร์ม จำกัด ทีมดูแลงานกฎหมาย และทีมทนายความของครอบครัวตัญกาญจน์ เผยว่า คดีนี้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูแลเมื่อเรื่องราวผ่านไปแล้วกว่า 100 วัน ซึ่งสิ่งที่ทีมงานได้คือพยานหลักฐานที่เกิดจากการแสวงหา และเก็บรวบรวมโดย น.ส.สุพิชา ที่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก จนนำไปสู่การรวบรวมข้อมูลว่า มีส่วนใดที่จะต้องนำไปสู่คดีอาญา และการพิสูจน์ให้ได้ว่าการเสียชีวิต เกิดจากการถูกกระทำ และต้องหาต่อว่าใครเป็นผู้กระทำ
“น้องเมย ชอบจดบันทึกในเรื่องส่วนตัว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทีมกฎหมายจับมาวิเคราะห์ว่าช่วงใด เวลาใดเกี่ยวข้องกัน ก็คงต้องขอสงวนในข้อความที่ น้องเมย จดบันทึกนั้นไว้ เพียงแต่ให้รู้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกินกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนกับเป็นการย้ำทำจนร่างกายมนุษย์ทนไม่ได้ ต้องมาดูว่าใครเป็นคนทำ ในชั้นนี้ทางครอบครัวตัญกาญจน์ ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์คดีอาญา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารไปแล้ว และมีการขึ้นศาลแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เราขับเคลื่อน และกล่าวหาเป็นจริง และจะเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหามากกว่า 1 คนแน่นอน” พ.ต.อ.สุธี กล่าว
นอกจากนี้ ทีมทนายจะดำเนินการเรียกร้องความยุติธรรมควบคู่กันไปทั้ง 3 ศาล คือ ศาลอาญา, แพ่ง และศาลปกครอง โดยยืนยันว่าร่องรอยจากการชันสูตรพลิกศพ เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ามีการถูกกระทำ และไม่ใช่กรณีการเสียชีวิตทางธรรมชาติ และขอยืนยันว่า “น้องเมย” จะไม่ตายฟรีอย่างแน่นอน.