เป็นเรื่องเป็นราว เมื่อมีคลิปว่อนโลกโซเชียล ตำรวจจักรยานเมืองกรุงเก่าปะทะคารมโต้เถียงกับไกด์ไทย ที่นำทัวร์จีนมาเที่ยวชมโบราณสถาน แต่กลับปีนกำแพงโดยไม่ซื้อตั๋ว ล่าสุด ฝ่ายจนท.เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ไกด์นำเที่ยวแล้ว... 

เมื่อเวลา 13.00 น วันที่ 9 พ.ค พ.ต.ต.ศรุต ระยานนท์ ส.ทท.1กก.2บก.ทท.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายเอกสรา สืบสหภพ นักพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร้องทุกข์ กล่าวโทษ กับ พ.ต.ท.จักรพันธ์ ธูปะเตมีย์ สว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ติดตามตัวนายปรัชญาธรณ์ ฉันทยานนท์ ไกด์ที่นำนักท่องเที่ยวชาวจีน รวม 25 คนปีนกำแพงเข้าไปชมโบราณสถานในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา แม้ว่าจะออกมาซื้อตั๋วก็ตาม

ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นวันที่ 5 พ.ค. เวลาประมาณ 12.00 น. โดยพ.ต.ต ศรุต ระยานนท์ ส.ทท.1กก.2บก.ทท.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะที่ ส.ต.ต.ปริพัตร เพี้ยมแดง ผบ.หมู่ ป. สภ.พระนครศรีอยุธยา ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจจักรยานพร้อมกำลังอาสาออกตรวจ บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง พบเห็นมัคคุเทศก์พากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนปีนกำแพงด้านติดกับลานจอดรถอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ซึ่งด้านนั้นเป็นประตูปิดตายและโดยรอบเป็นกำแพงโบราณสถาน เพื่อเข้าไปในวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยไม่ได้ซื้อบัตรเข้าชมวัด สายตรวจจักรยานจึงแจ้งให้ซื้อบัตร ก่อนเข้าชมวัด มัคคุเทศก์คนดังกล่าวแจ้งกลับมาว่า เข้าวัดก่อนเดี๋ยวจะกลับมาซื้อบัตรเอง จากนั้นมัคคุเทศก์ได้พยายามเดินเข้าไปในวัด สายตรวจจักรยานจึงกล่าวให้ไปซื้อบัตรก่อนเข้าชมวัด โดยพูดอยู่หลายครั้ง มัคคุเทศก์จึงเดินไปซื้อบัตรในที่สุด

ระหว่างนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจักรยานเป็นผู้ที่ถ่ายคลิปเอาไว้ถึงการกระทำไม่เหมาะสมของไกด์นำเที่ยว ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนายทะเบียนของการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากเป็นผู้ออกบัตรและรับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับมัคคุเทศก์ ซึ่งหากพบตัวก็ต้องเชิญมาสอบสวนดำเนินคดี และอาจจะเสนอพักใบอนุญาตการทำหน้าที่ไกด์ เนื่องจากเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายของไกด์ด้วยกัน

...

"เป็นสร้างความเสียหายให้กับสถานที่ท่องเที่ยว เห็นด้วยที่จะต้องเรียกไกด์คนดังกล่าวมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการลงโทษ ที่สำคัญ เมื่อเป็นไกด์ก็ต้องมีหน้าที่ และรู้ว่าควรทำอะไร การทำเช่นนี้เป็นการทำลายอาชีพตนเอง และไม่เคารพสถานที่ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ให้กับนักท่องเที่ยวที่อาจจดจำหรือไปเล่าต่อ ซึ่งเชื่อว่านอกจากมักง่ายแล้ว อาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เซฟเงินที่จะต้องซื้อตั๋วให้กับนักท่องเที่ยว หรือเปล่า จึงไม่ซื้อตั๋ว เพื่อเก็บเงินส่วนนี้ไว้เอง นับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถือว่ามีการกระทำความผิดตามมาตรา 88 ที่ระบุว่ามัคคุเทศก์ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดหรือไม่ติดบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ตามมาตรา 57 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้วและได้ โทรศัพท์ ติดต่อนายปรัชญาธรณ์ ฉันทยานนท์ ไกด์คนดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นรับสาย แต่แจ้งว่าไม่สบายจะมาพบพนักงานสอบสวนในภายหลัง".