ตำรวจแจ้งข้อหา เสี่ยซิ่งเบนซ์ชนรถสาว ป.โท ไฟคลอกดับ พร้อมสอบปากคำแล้ว ยัน ผู้ก่อเหตุไม่ได้เมาขณะขับขี่ ด้านพ่อ เผย ลูกชายยังโคม่า พร้อมชี้แจงกับสังคม

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 59 พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ ขับขี่รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ป้ายทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนรถ 2 นักศึกษาปริญญาโท ไฟคลอกจนเสียชีวิต บนถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 53 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาแจ้งข้อหากับ นายเจนภพ ในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมสอบปากคำในรายละเอียดเป็นครั้งแรก ซึ่งภายหลังจากเห็นคลิปเหตุการณ์ค่อนข้างยืนยันชัดในพฤติการณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน โดยทางตำรวจค่อนข้างมีพยานหลักฐานแน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้มีการเดินทางมาพบผู้ก่อเหตุตั้งแต่วันแรก แต่เนื่องจากยังอยู่ในห้องไอซียู ทำให้ไม่สามารถสอบปากคำได้ สำหรับประเด็นที่สังคมสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุจะมีแอลกอฮอล์หรือไม่นั้น ยืนยันว่า วันที่เกิดเหตุผู้ต้องหาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบปากคำในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายเจษฎา วีรพร บิดาของเสี่ยรถเบนซ์ เปิดเผยว่า วันแรกหลังจากเกิดเหตุ ผมอยู่ภูเก็ต พอทราบข่าวก็รีบเดินทางกลับให้เร็วที่สุด โดยให้เพื่อนเข้าไปพบกับญาติผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลก่อน สาเหตุที่ไม่ได้ไปด้วยตนเอง เนื่องจากต้องดูแลลูกชายที่บาดเจ็บที่ห้องไอซียู และมีการไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพในคืนแรก รวมถึงขอขมากับญาติของผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งในวันดังกล่าวมีโอกาสพูดคุยกันในเบื้องต้น ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังฝากความเป็นห่วงถึงลูกชายของตนด้วย รวมถึงไม่ต้องเป็นห่วง และขอให้หายจากการบาดเจ็บโดยเร็ว โดยล่าสุด ยังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ไม่ทราบต้องมีการผ่าตัดหรือไม่ รวมถึงทีมแพทย์กำลังตรวจเช็กสมองว่า มีอาการผิดปกติร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากลูกชายจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยในเรื่องของคดีความ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยังมีความเสียใจอยู่ ซึ่งภายหลังจากนี้จะมีการพูดคุยเพื่อให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้น

...

นายเจษฎา ยังเปิดเผยว่า ได้เห็นข้อมูลที่แชร์ในสังคมออนไลน์แล้ว ซึ่งบางข้อมูลก็ไม่เป็นความจริง เช่น รถยนต์ก็ไม่ใช่รุ่นที่ลูกชายเคยใช้ แต่ยอมรับว่าลูกชายเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งใครที่ขับรถมาคงทราบดีว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่อยากให้สังคมซ้ำเติมกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนและครอบครัวพร้อมดูแลอย่างเต็มที่.

ข่าวที่เกี่ยวข่้อง