กรณีที่ชาวบ้านในหลายพื้นที่ของสุพรรณบุรี ได้รับความเดือดร้อนจากการเผาไร่อ้อยก่อนตัดนำไปเข้าโรงงานสร้างมลพิษทั้งควัน กลิ่น และฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะในเขตอำเภออู่ทองประสบปัญหาหนักจนชาวบ้านต้องปิดหน้าต่างประตูและปัดกวาดกันทั้งวัน รวมทั้งเจ็บไข้ในระบบทางเดินหายใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บรรดาร้านค้าในตลาดต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่สามารถค้าขายได้ โดยปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะนานกว่า 2 เดือน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. พ.อ.กุญช์ภัสร์ หาญสมบูรณ์ เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่ 17 เผยว่า ได้สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง และตำรวจกว่า 30 นาย เข้าทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในทุกพื้นที่ของสุพรรณบุรี โดยได้เข้าตรวจสอบมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าที่อำเภออู่ทองได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากมีไร่อ้อยล้อมรอบตัวอำเภอเป็นจำนวนมาก จึงได้เข้าพบ นายก อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบรรดาผู้นำเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้มีการเผาไร่อ้อย ทั้งก่อนและหลังจากการตัดอ้อยเพื่อส่งโรงงานน้ำตาล และให้ความรู้ชี้แจงถึงผลเสียต่อส่วนรวม ชุมชน และต่อคนว่าเป็นอย่างไร ในเบื้องต้น ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

นอกจากนี้จะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ หากพบมีการเผาไร่อ้อยจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือ ยังโรงงานน้ำตาลทุกแห่งใน จ.สุพรรณบุรี และใกล้เคียง ถ้าเป็นไปได้ไม่ให้รับซื้ออ้อยเผาไฟ หรือถ้าจำเป็นต้องรับซื้อก็จะต้องมีมาตรการลงโทษ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงงานน้ำตาลทุกโรงเป็นอย่างดี โดยมี ข้อสรุปตรงกันว่า หากมีอ้อยไหม้ไฟเข้ามาขายจะทำการ ตัดราคาทันที 30% และนำเงินส่วนนี้ไปเฉลี่ยเพิ่มให้กับ เกษตรกรที่นำอ้อยสดไม่เผาไฟมาขาย รวมถึงมาตรการ เด็ดขาดด้านกฎหมายมลภาวะและสิ่งแวดล้อมเข้ามา จัดการด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป.

...