โจ๋ร้อยเอ็ด ตระเวนดูลาดเลาธนาคารหลายจังหวัด ก่อนพบสาขานครชัยศรี มี CCTV ตัวเดียว ใช้หินทุบกระจกห้องน้ำบุกเข้าขโมยกล่องเงินบรรจุตู้เอทีเอ็ม เปิดมาไม่มีเงินสักบาท สัญญาณดังหนีซุกพงหญ้า ตร.ตามจับได้ รับศึกษาวิธีจากอินเทอร์เน็ต

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. 58 เจ้าหน้าที่วิทยุ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับสัญญาณเตือนภัยดังจากธนาคารทหารไทย สาขานครชัยศรี ตั้งอยู่ใกล้แยกท่านา หมู่ 3 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จึงรายงาน พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.กัมพล จงรุ่งสำราญ สว.สส. นำกำลังชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุไม่มีพนักงานเพราะยังไม่เปิดทำการ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้

ตรวจสอบภายนอกอาคาร พบหน้าต่างห้องน้ำบริเวณชั้นล่างมีรอยแตก เศษกระจกกระจายอยู่บนพื้น จึงให้ตำรวจกระจายกำลังออกค้นบริเวณโดยรอบและด้านหลังซึ่งเป็นพงหญ้ารก มีรอยแหวกหญ้าเป็นทางเดิน กระทั่งพบตัว นายชาย (นามสมมติ) อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 7 ต.โคกสว่าง อ.หนองพอง จ.ร้อยเอ็ด นั่งซุกตัวอยู่ในพงหญ้า ร่างกายชุ่มน้ำเปื้อนโคลนถือหมวกกันน็อกเต็มใบ จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.นครชัยศรี

นายชาย รับสารภาพว่า เป็นคนบุกเข้าไปลักทรัพย์สินในธนาคารจริง ใช้ก้อนหินทุบกระจกห้องน้ำแล้วปีนเข้าไปภายในเอากล่องบรรจุเงินใส่ตู้เอทีเอ็มที่ล็อกกุญแจไป 2 กล่อง และซุกไว้ในพงหญ้า เพราะได้ยินสัญญาณกริ่งดังจึงรีบหนีมาหลบซ่อนตัว โดยก่อนหน้านี้ตระเวนดูตามธนาคารหลายแห่ง ทั้ง จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ซึ่งสาขาที่ก่อเหตุมีกล้องวงจรปิดด้านหน้าเพียงตัวเดียว และไม่มี รปภ. มีแค่ประตูรั้วด้านหน้าปิดเท่านั้น จึงกลับมาวางแผนเองที่ห้องเช่าใน จ.นนทบุรี อยู่ 3 วัน โดยเปิดดูศึกษาวิธีหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดทางอินเทอร์เน็ตจนแน่ใจ จากนั้นเช่าแท็กซี่โดยเอาหมวกกันน็อกมาด้วยเพื่อปิดบังใบหน้ามาก่อเหตุ ทั้งนี้ กลัวว่าหากถือกล่องเงินออกไปจะถูกสงสัย จึงเอาหินทุบกุญแจจนหลุดออก แต่พบว่าไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว จึงทิ้งกล่องเงินในพงหญ้าและรีบซ่อนตัว แต่มีรถสายตรวจตำรวจเข้ามาถึงธนาคารพอดี โดยตั้งใจจะรอตำรวจไป แต่ก็มาถูกจับได้

...

พ.ต.อ.ธีรเดช มอบหมายให้ พ.ต.ท.ไชยศ นำตัวผู้ต้องหาไปค้นหากล่องเงินจนพบ 2 กล่อง ซึ่งเปิดแล้ว 1 กล่อง ส่วนอีกกล่องยังมีกุญแจล็อกอยู่ พร้อมกับทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้งไปยังธนาคารให้มาตรวจสอบและยืนยัน โดยตั้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ทำลายสิ่งกีดกั้นและไม่เข้าทางช่องทางที่มีไว้สำหรับให้เข้า พร้อมกับให้ตรวจสอบประวัติว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ในท้องที่อื่นอีกหรือไม่ และส่งตัวให้ร้อยเวรดำเนินคดีต่อไป.