‘สมยศ’กร้าว-ใหญ่แค่ไหนก็จับ ขบวนการอ้างสถาบันเก็บส่วย!
ผบ.ตร.นำคณะทำงานแถลงข้อเท็จจริงคดี “พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” กับพวก ยืนยันไม่ได้ สร้างภาพยัดข้อกล่าวหา สืบสวนทางลับ หลังมีเรื่องร้องเรียนกระทั่งพบการกระทำความผิด ถึงสั่งเด้งเข้ากรุกราวรูด ก่อนบุกค้นสถานที่ต้องสงสัย 15 จุด เจอทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท นำไปสู่การออกหมายจับข้อหาตาม ม.112 และข้อหาอื่นสาวถอนยวงทั้งขบวนการอ้างเบื้องสูงเก็บส่วย ลั่นใหญ่แค่ไหนก็จับหมด “อัคราเดช พิมลศรี” แจงผลปฏิบัติการเจอตู้เซฟมหึมาบ้านอดีต ผบช.ก.ฝังใต้ดิน ต้องใช้รถแบ็กโฮเจาะ ตะลึงของมีค่าจำนวนมหาศาล ระบุทำเป็นแก๊ง มี “โกวิทย์-อัครวุฒิ์“ รับบทขุนพลคู่กายคอยเก็บกองผลประโยชน์ น้องสาว-น้องเขย ร่วมเอี่ยว ปปง.จ่อยึดทรัพย์เพราะพบผิดฟอกเงินชัด “ประยุทธ์” วอนสังคมอย่าคิดเอาเองตามกระแส ไม่มีอำนาจใดมาปกป้องได้
คดีสะท้านยุทธจักรสีกากี เมื่อมีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก ข้อหาร้ายแรงแอบอ้างเบื้องสูงตาม ป.อาญา มาตรา 112 และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับและจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน มี พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน.กับพวกอยู่ในข่ายกระทำความผิดด้วย ปิดฉากนายพลตำรวจผู้กุมอาณาจักรสอบสวนกลางชนิดเจ้าตัวต้องโดนคุมเข้มสวมกุญแจมือก้มหน้ารับชะตากรรมส่งฝากขังศาลอาญา
...
“สมยศ” นำทีมแถลงคดี
ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 พ.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.พร้อมพวกที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงมาแถลงต่อสื่อมวลชน ท่ามกลางทัพผู้สื่อข่าวช่างภาพทุกสำนักที่ไปรอฟังชี้แจงความเป็นมาเป็นไปของคดีดังแห่งปีกันแน่นห้องตั้งแต่เช้าตรู่
รับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติการภายใต้กฎอัยการศึกจนนำไปสู่การจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน.กับพวกพร้อมของกลางต่างๆ จำนวนมาก ตนอยากจะเรียนต่อสื่อมวลชนว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน บางอย่างตนไม่สามารถเปิดเผย ข้อมูล หรือรายละเอียดเชิงลึกได้ ถ้ามีคำถามที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเข้าสู่ขั้นตอนของชั้นศาล ตนก็ไม่สามารถที่นำมาเปิดเผยได้ เนื่องจากมีขอบเขต และมีข้อจำกัด แต่จากการสอบสวน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ไม่ได้สร้างภาพยัดข้อหา
ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนในเรื่องการรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ยังต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป ยืนยันว่า การดำเนินคดีดังกล่าวไม่เป็นการสร้างภาพ หรือยัดเยียดข้อกล่าวหา จากหลักฐานทั้งหมดพบว่า มีการกระทำผิดจริง และผู้ต้องหาทั้งหมดสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลบางส่วนไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการขยายผล ขอย้ำอีกครั้งว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีความสำคัญ มีความละเอียดอ่อนและเปราะบาง ต้องเข้าใจว่า ตำรวจจะสามารถชี้แจงได้มากน้อยแค่ไหน
เริ่มจากการสืบสวนทางลับ
หลังจากนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่แจงต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ กับพวกประพฤติตนไม่เหมาะสม แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ เมื่อสืบสวนทางลับพบว่า มีมูล ดังนั้นในวันที่ 11 พ.ย. ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และวันที่ 14 พ.ย. ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เมื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพอมีมูลเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ผบ.ตร.ได้รายงานให้รัฐบาลรับทราบ และรัฐบาลได้มีคำสั่งให้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหารจัดหน่วยเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
...
สู่การออกหมายจับ ม.112
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า มีการกระจายกำลังตรวจค้นสถานที่ที่สืบสวนแล้วพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และเครือข่าย 15 แห่ง ตรวจยึดทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. พนักงานสอบสวนได้ยื่นขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ กับพวก รวม 10 คน ดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112 เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จัดให้เล่นการพนัน (ถั่วครอบ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานฟอกเงิน
2 นายพลเข้าข่ายด้วย
ส่วนผู้ต้องหารายอื่น พล.ต.ท.ประวุฒิระบุว่า พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ โดนข้อหาเดียวกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ส่วน พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน โดนข้อหาตาม ป.อาญา มาตรา 112 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานฟอกเงิน พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
...
ลูกทีมเจอกันระนาว
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวต่อว่า ขณะที่ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล มีความผิดฐานร่วมกัน บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เช่นเดียวกับ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ส่วนนางสวงค์ มุ่งเที่ยง และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช มีความผิดร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ภรรยา พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ความผิดฐานเดียวกับสามี โดย พ.ต.อ. โกวิท และภรรยาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 24 พ.ย. แล้ว
บุกบ้านค้นตู้เซฟฝังใต้ดิน
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. รับผิดชอบแถลงผลการตรวจอายัดทรัพย์สินทั้งหมดอย่างละเอียด มีรูปถ่ายประกอบเป็นหลักฐานว่า สรุปผลการตรวจยึดของกลางจากบ้านพัก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ 11 จุดในย่านปากเกร็ด และเมืองนนทบุรี พบว่ามีการฝังเซฟไว้ในใต้ดิน ก่อกำแพงแน่นหนาปิดบังอำพรางไว้เป็นอย่างดี บางพื้นที่ต้องใช้รถแบ็กโฮขุดทำลายเปิดเซฟให้เห็นทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ว่ามีอะไรบ้าง พบพระพุทธรูป งาช้าง แสตมป์ทองคำ เงินสดบาทไทย และสกุลต่างประเทศ เครื่องลายคราม วัตถุโบราณมากมายประเมินค่าไม่ได้ รวมทั้งรถยนต์หรูอีกหลายสิบคัน
...
พบของเก่ามูลค่ามหาศาล
รรท.ผบก.ป.กล่าวต่อว่า วัตถุโบราณหายากล้ำค่าต้องเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรร่วมตรวจสอบถึงมูลค่าและที่มาที่ไป ยกตัวอย่าง งาช้างมูลค่ามหาศาล พระเครื่อง พระพุทธรูปล้วนเป็นศิลปะเก่าแก่ ภาพ เขียนหายาก แสตมป์ทองคำหายากที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นในประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ในเซฟ และบ้านของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยหลังการตรวจยึดมีการบรรจุกล่องพลาสติกเซ็นกำกับ และติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพื่อควบคุมเก็บรักษาเป็นอย่างดี ของกลางทั้งหมดต้องเก็บอย่างระมัดระวัง ก่อนขยายผลตรวจค้นที่บ้าน พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ที่เพนต์เฮาส์แห่งหนึ่งย่านถนนมหาดเล็กหลวงและเครือข่ายบริวาร รวมทั้ง หมดเป็น 15 จุด
“โกวิทย์–อัครวุฒิ์” เป็นมือเก็บ
“การตรวจค้นบ้าน พล.ต.ต.โกวิทย์ ซึ่งเปรียบเสมือนขุนพลคู่ใจ ยังพบทรัพย์สินมีค่ามากมายเช่นกัน ส่วนบ้านของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ เสมือนมือขวา กุนซือคู่กายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รู้เห็นในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การวางตัวตำแหน่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งการออกความเห็นในเรื่องของแผน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์จะเป็นคนคิด เปรียบเสมือนเสนาธิการ หรือขุนพลคู่กาย ก็พบทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ทั้งทองรูปพรรณ พระเครื่อง เครื่องเพชร โฉนดที่ดิน และ จยย.ราคาแพง จะเห็นว่ามีการทำงานเป็นแก๊ง มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็นศูนย์กลางคอยมอนิเตอร์สั่งการ มี พล.ต.ต.โกวิทย์และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์เป็นคนสำคัญในการแสวงหาผลประโยชน์” พ.ต.อ.อัคราเดชอธิบายพร้อมแสดงแผ่นภาพเครือข่ายโยงใยการกระทำความผิดของอดีตนายพลผู้นำสอบสวนกลาง
คดีฆ่าตัวตายจบแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 รับหน้าที่แจงการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ว่า พนักงานสอบสวน สน.พญาไทรับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า มีคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ สรุปการเสียชีวิตเกิดจากการตายผิดธรรมชาติ โดยการฆ่าตัวตายและเป็นการตายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญา ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 พ.ย.
ผบ.ตร.ยันใหญ่แค่ไหนก็จับ
ท้ายการแถลงข่าวตำรวจยังนำหลักภาพถ่ายขณะเข้าจับกุมมาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาได้สมรู้ร่วมคิดเรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่งจากข้าราชการตำรวจรายละ 3-5 ล้านบาทต่อเดือน รวมเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในจังหวัดชายแดนใต้ โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง รวมถึงพบหลักฐานว่ามีการเปิดบ่อนการพนันทั่วประเทศ ก่อนที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จะสรุปส่งท้ายว่า ยุคที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ใครทำอะไรไว้อย่างไรตนไม่รู้ แต่ในยุคของตน ไม่ว่าเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน ถ้ากระทำความผิด ตนก็จับ ที่ผ่านมาทุกคนรู้ว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีอำนาจเพียงใด ดังนั้นที่จะถามว่า การหาผลประโยชน์มาจากจุดไหน ให้ดูแล้วกัน บก.ที่อยู่ในความรับผิดชอบมีตรงไหนบ้าง ถึงเวลาแล้ว ต้องสร้างมาตรฐาน กฎเกณฑ์ คุณธรรมขึ้นมาใหม่
ชนวนจากเรียกผล ปย.แต่งตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลการกระทำผิดของเครือข่ายนี้นานเท่าไรแล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พอสมควรจากการร้องเรียนของข้าราชการตำรวจว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย มีการเรียกผลประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง วัตถุสิ่งของ ร้องทุกข์ร้องเรียนเข้ามาเป็นระยะ มีทั้งร้องมายังตน และนายกรัฐมนตรีว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกเกี่ยวข้อง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เรื่องการซื้อขายตำแหน่งจะมีการสาวไปถึงคนซื้อด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศตอบว่า ตนมีรายละเอียด แต่ตอบคำถามได้เท่าที่ตอบ เพราะฉะนั้น ต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าเกี่ยวโยง หรือเชื่อมโยงใครต้องดำเนินการแก้ปัญหา
แอบอ้างสถาบันรับส่วย
ต่อข้อถามที่ว่า ในส่วนคดีหมิ่นสถาบันเป็นมาอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นไปตามที่แจงรายละเอียดว่า บุคคลทั้งหมด ใครแอบอ้าง หรือกล่าวอ้างบ้างที่นำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบ ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้าย บ่อนการพนัน น้ำมันเถื่อน หรืออะไรก็ตามที่เป็นการแอบอ้าง เช่นเดียวกับผู้ต้องหาบุกรุกป่า เป็นการก่อเหตุบุกรุกในพื้นที่ จ.ราชบุรี ที่มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีตำรวจเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศยอมรับว่า มี หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น โดยการจากการสืบสวนทราบว่า อยู่ในขบวนการเดียวกันทั้งหมด