พ่อเมืองกรุงเก่าสั่งเด้งป้องกันจังหวัดกับ 2 ปลัดอำเภอพ้นหน้าที่ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเคลียร์คดีฉาว ถูกโชเฟอร์บริษัทขนส่งแจ้งความโดนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองดักจับรถบรรทุกแล้วรีดเงินถึง 2.5 แสนบาท ด้านป้องกันฯปฏิเสธ เผยถูก 6 ชายฉกรรจ์หลอกทำทีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐขอกำลังอส.ไปช่วยตรวจค้นยาเสพติด หลังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแยกย้ายกลับ ยันไม่เกี่ยวข้องด้วย ก่อนนำลูกน้องแจ้งจับแก๊งแอบอ้างรับสินบน
กลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ กรณีโชเฟอร์ บริษัทขนส่งเข้าแจ้งความ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยากว่า 10 คน หลังดักตรวจค้นรถบรรทุกสิบล้ออ้างมีสินค้าหนีภาษีก่อนรีดเงิน 2.5 แสนบาท เหตุเกิด บนถนนพหลโยธิน กม.ที่ 66 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย เจ้าของบริษัทขนส่งกลัวว่าหากไม่จ่ายจะทำให้สินค้าส่งถึงมือลูกค้าไม่ทันเวลา เกิดความเสียหาย และเสีย เครดิตบริษัท จำยอมโอนเงินให้ ก่อนตลบหลังนำสลิป เป็นหลักฐานเอาผิด
ต่อมา วันที่ 5 พ.ย. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า หลังรับรายงานเรื่องดังกล่าวได้เรียกนายศุภกร อนันตรักษ์ ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ เจ้าหน้าที่ อส. ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหมดประมาณ 17 คน มาสอบถามข้อเท็จจริงจนทราบว่าทั้งหมดถูกกลุ่มชาย ดังกล่าวแอบอ้างชักชวนไป อ้างว่ามีรถบรรทุกยาเสพติด วิ่งผ่านถนนพหลโยธินเขต อ.วังน้อย ก่อนแบ่งกำลังไปช่วยตรวจค้นรถบรรทุก 2 คัน เมื่อไม่พบของผิดกฎหมาย ปล่อยรถดังกล่าวไป แล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่ทราบว่ามีการเรียกรับเงิน
ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามยังไม่ปักใจเชื่อตามรายงาน ได้แต่งตั้งนายเดชาธร เชาว์เลขา รักษาการปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นประธานการสอบสวนข้อเท็จจริงและสั่งย้ายผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไปช่วยราชการที่อื่นเป็นการชั่วคราวจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ได้ประสาน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและดูเส้นทาง การเงินของบุคคลที่แอบอ้าง ตอนนี้ได้ชื่อมาหมดแล้ว ทั้งหมดไม่ได้เป็นข้าราชการ อีกทั้งหนึ่งในนั้นเคยมีคดี แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเรียกรับเงินด้วย ต้องให้ ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หากมีความผิด ก็ว่ากันไป จะไม่เห็นแก่ “เทวดาหน้าไหน” ทั้งสิ้น
...
มีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายศุภกร อนันตรักษ์ ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พาเจ้าหน้าที่ ปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ อส.เข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย หลังถูกกล่าวหาว่า รู้เห็นในการตรวจค้นรถสินค้าแล้วเรียกรับเงิน 2.5 แสนบาท จากบริษัทขนส่ง นายศุภกรเปิดเผยว่า ขณะ ปฏิบัติหน้าที่ตรวจพื้นที่สถานบันเทิงย่าน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มีกลุ่มชายอ้างเป็นพนักงานของรัฐ ติดตามเรื่องยาเสพติดจะไปดักจับ และขอกำลัง อส.ไปส่วนหนึ่ง เมื่อตรวจค้นแล้วไม่พบยาเสพติด ตน และ อส.ที่ร่วมกันค้นได้ปล่อยรถไป ไม่ทราบว่ากลุ่ม ชายดังกล่าวเจรจาอะไรกับใครอย่างไร ทราบภายหลังว่า ผู้เสียหายแจ้งความ มาดำเนินคดีกับกลุ่มชายรวมทั้งหมด 6 คน
“เหตุที่ทำให้เชื่อถือกลุ่มชายดังกล่าว เนื่องจากแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐ เห็นทั้งหมดเคยไปร่วม ตรวจค้นทั้งงานของปกครองและตำรวจ ไม่ได้สงสัย ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ หลังตรวจสอบประวัติพบว่า ทั้งหมดเคยมีคดีแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และเรียกรับเงินด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างดูกล้องวงจรปิดและติดตามเส้นทางการเงินของคนทั้งหมด” ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยากล่าวและว่า ตอนนี้ทราบชื่อ กลุ่มชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหมดแล้ว ส่วนตนกับพวกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนความคืบหน้าด้านคดี พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลที่กล่าวอ้างมีตัวตนจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบภาพกล้อง วงจรปิดว่า บุคคลนั้นอยู่ในจุดเกิดเหตุหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ผู้เสียหายสูญเสียเงินไปจริงๆ งานนี้ต้องมีผู้กระทำผิด แต่จะเป็นใครหรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ต้องรอตรวจสอบและขยายผลต่อไป
มีรายงานด้วยว่าวันเดียวกัน นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เซ็นหนังสือคำสั่งให้นายศุภกร อนันตรักษ์ ป้องกันจังหวัดกลุ่มงานความมั่นคง ที่ทำการ ปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำการปกครอง อำเภอบ้านแพรก นายสุขสันต์ ภักดีไทย ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครอง กลุ่มงาน ความมั่นคง ที่ทำการปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำการปกครองอำเภอมหาราช และ นายชยากร โรจนี ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครอง กลุ่มงานบริหารปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอท่าเรือ ช่วยราชการปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำการปกครองอำเภอภาชี ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่