"หลวงพี่น้ำฝน" ถือหนังสือเจ้าอาวาสวัดสามชุก แจ้ง "พระปีนเสา" กลับวัด ติงเอาศาสนามาเสี้ยม ทำให้เกิดความขัดแย้ง โทษถึงขั้นจับสึก
ผู้สื่อข่าวรายงาน วานนี้ 30 ต.ค. 67 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 และสังฆาธิการพระครูสิริปุญญาภิวัฒน์ พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี เจ้าอาวาสวัดสำโรง เจ้าคณะตำบลวัดสำโรง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปยังสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตรี สวนธรรมแสงเทียน หมู่ที่ 3 ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังจากที่ พระครูปลัดสุทัศน์ สุเมโธ รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนทะเล จ.พิจิตร มีเอกสารขอให้ พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส หรือ พระปีนเสาไฟ กลับวัดโพนทะเล ภายใน 7 วัน
ในการเข้าตรวจสอบ พระธีรธนัชณฤทธา มีการแย้งว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้อง เนื่องจากได้ถูกให้ออกจากวัดโพนทะเลไปนานแล้ว ทั้งยังมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ที่ได้เข้าไปตรวจสอบ อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง พร้อมแจ้งว่า ต้นสังกัดปัจจุบันคือ วัดสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี กระทั่งคณะสงฆ์และหน่วยงานที่เข้าตรวจสอบ มีการเดินทางกลับออกไป
กระทั่งช่วงดึก "หลวงพี่น้ำฝน" ได้รับเอกสารด่วนจากวัดสามชุก ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เรื่องขอให้ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส กลับวัดสามชุก โดยมีเนื้อหา ว่ามีการขอมาสังกัดที่วัดสามชุก ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 65 ที่ผ่านมา แต่ไม่เคยมาสังกัดอยู่ที่วัดสามชุกเลย และทราบว่าได้ไปพำนักอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมพุทธะชยันตรี จ.นครปฐม และมีการปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง จึงขอให้กลับวัดภายในเจ็ดวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นต้นไป ลงนามโดย พระครูสุวรรณวิตร ดร. เจ้าอาวาสวัดสามชุก
...
ต่อมาวันนี้ (31 ต.ค. 67) หลวงพี่น้ำฝน พร้อมด้วยพระสังฆาธิการ พระวินยาธิการจังหวัดนครปฐม พระปกครองเขตคลองเตย ได้นำเอกสารดังกล่าวไปยังอาคารมาลีนนท์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เพื่อแจ้งให้กับพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา ทราบ
หลวงพี่น้ำฝน เปิดเผยว่า พระรูปนี้สังกัดที่วัดสามชุก ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยไม่เคยอยู่ในการปกครองของเจ้าอาวาสของวัดสามชุกเลย ทั้งยังมีการจัดตั้งสำนักสงฆ์ แต่ไม่ได้ปรากฏเอกสารขออนุญาต ต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด วันนี้อาตมา จึงนำเอกสารคำสั่งของเจ้าอาวาส ที่ให้พระรูปนี้กลับไปชี้แจง โดยให้ระยะเวลาภายในเจ็ดวัน
ทั้งนี้ ในเรื่องของการนำศาสนาอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น หลวงพี่น้ำฝน มองว่า เป็นการไม่สมควร ที่จะไปยุ่งกับศาสนาอื่น เราเป็นพระภิกษุสงฆ์ศาสนาใดก็แล้วแต่ เราควรจะรักและสามัคคีกันไว้ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ใช้ศีล สมาธิ และปัญญา ในการดำเนินชีวิต สืบทอดพระพุทธศาสนา ฉะนั้นอย่าโยงเอาศาสนามาทำให้เกิดปัญหา ซึ่งคณะสงฆ์จะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องคอยดูแล และทำตามขั้นตอน พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ซึ่งโทษมีถึงขั้นถูกจับสึกได้