หนุ่มใหญ่ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกสุนัข "พิตบูล" 4 ตัว รุมขย้ำ ขณะไปดูน้ำที่นา แพทย์ต้องตัดแขนทิ้ง เจ้าของหมาโบ๊ยส่ง อ้างเป็นหมาคนใช้ ช่วยเหลือได้แค่แสนบาท ด้าน ตร.เตรียมเรียกเจ้าของหมามารับทราบข้อกล่าวหา...
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ส.ค. 2555 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายสัมพันธ์ ต้นดี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/6 ม.1 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ว่า นายสมนึก ต้นดี อายุ 55 ปี บิดา ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกสุนัขพันธุ์ "พิตบูล" ของเพื่อนบ้านรุมขย้ำทั่วร่างกาย จนแพทย์ต้องตัดแขนทิ้ง และยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านอีก ซึ่งเจ้าของบ้านที่เลี้ยงสุนัข อ้างว่าสุนัขตัวดังกล่าวเป็นของคนงาน จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ เมื่อไปถึงก็พบนายสมนึก อยู่ในสภาพบอบช้ำ โดยเฉพาะแขนขวากุดเหนือข้อศอก มีผ้าก๊อซพันไว้ และที่ข้อเท้าซ้ายมีผ้าพันแผลปิดไว้ โดยมี นายเสวก ประเสริฐสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงรากใหญ่ พร้อมด้วยสมาชิก และญาติพี่น้องมาเยี่ยมดูอาการจนเต็มบ้าน

นายสมนึก เผยถึงเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ค. 2555 ตนขี่รถ จยย. ออกจากบ้านเพื่อไปดูน้ำในที่นา ห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กม. เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินทางกลับบ้าน ทันใดนั้น ก็มีสุนัขพันธุ์พิตบูล 4 ตัว วิ่งตรงปรี่เข้ามาหา แล้วกระโจนเข้าใส่ตนทันที ด้วยความตกใจตนจึงพยายามร้องตะโกนไล่เสียงดังลั่น พร้อมทั้งใช้ทั้งมือและเท้าปัดเหวี่ยงเพื่อป้องกันตัว แต่สุนัขทั้งหมดก็ไม่ยอมปล่อย ยังรุมขย้ำด้วยแรงที่หนักหน่วง จนตนล้มทั้งยืน ก่อนจะถูกรุมถูกกัดตามแขน ขา ลำตัว และใบหน้า ซึ่งครั้งนั้นตนนึกอยู่ในใจว่าต้องตายอย่างแน่นอน เพราะตามแขน-ขารู้สึกเริ่มเจ็บปวดอย่างมาก
หลังจากนั้น ตนก็ร้องตะโกนให้คนช่วย และขณะที่ตนกำลังจะหมดสติ นายสุริยนต์ สวนกัน และนายกอล์ฟ สองพ่อลูก ผ่านมาพอดี จึงช่วยกันใช้เหล็กแป๊บไล่ตีสุนัขทั้งหมด จนแตกกระเจิงวิ่งหนีไป พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งไปยัง นายปทุม ธรรมรส ผญบ.ม.1 ต.เชียงรากใหญ่ ให้มาช่วยเหลือนำตนส่ง รพ.ปทุมธานี อย่างเร่งด่วน แต่ปรากฏว่าทาง รพ.ปทุมธานี ไม่สามารถดำเนินการรักษาได้ จึงส่งตัวต่อไปที่ รพ.รามาธิบดี จากนั้นแพทย์ก็ตัดแขนตนทิ้งทันที ระบุว่าเนื้อตายแล้วและเกรงว่ากระแสเลือดจะเข้าสู่ร่างกาย จึงจำเป็นต้องตัดทิ้ง ส่วนบาดแผลตามใบหน้าและร่างกาย รวมรอยเขี้ยวสุนัขนับร้อยรู
หลังเกิดเหตุ นายสัมพันธ์ ลูกชายของตน ก็เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เสนาะ ทาบุญ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี เพื่อเป็นหลักฐานไว้ ส่วนสุนัขดังกล่าวทราบว่าเป็นของเสี่ยคนหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ในละแวกบ้านตน โดยหลังทราบว่าสุนัขมากัดตน ก็ส่งลูกชายมาดู พร้อมกับให้เงินค่ารักษาพยาบาลมาส่วนหนึ่ง จากนั้นก็เงียบหายไป และแพทย์อนุญาตให้ตนออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา กลับมารักษาตัวที่บ้าน กระทั่งเช้าวันนี้ ลูกชายของเสี่ยก็เดินทางมาขอเจรจา พร้อมเสนอเงินให้จำนวน 100,000 บาท โดยอ้างว่าสุนัขทั้งหมดไม่ใช่ของพ่อ แต่เป็นของคนงานที่นำมาเลี้ยงไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่สามารถรับข้อเสนอได้
...

นายสมนึก กล่าวอย่างน้อยใจว่า การที่ตนต้องได้รับความพิการไปตลอดชีวิต และยังเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องทำนาด้วยมือทั้งสองข้าง แต่กลับมาได้รับการชดใช้จากคนที่ขาดความรับผิดชอบต่อการที่ต้องนำสุนัขพันธุ์โหดเช่นนี้มาเลี้ยง แล้วไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้วิ่งออกมานอกบ้านไล่กัดชาวบ้านอย่างนี้ โชคดีที่ตนไม่ถึงกับเสียชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาสุนัขดังกล่าวก็เคยไล่กัดสุนัขและวัวของชาวบ้านตายมาแล้วหลายตัวด้วย
ด้าน พ.ต.ท.เสนาะ สารวัตรเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และได้นัดให้ผู้เสียหายมาพบในวันที่ 8 ส.ค. เพื่อทำการสอบปากคำ รวมทั้งจะได้เรียกเจ้าของสุนัขมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป.