มอบตัวแล้ว มือยิงพลุแฟลร์ หลังเกมนัดชิงรีโว่คัพ ทำไฟไหม้รถกระบะ ที่แท้เป็นแฟน “บีจี ปทุม” นำพุลแฟลร์ที่ซ่อนไว้จุดฉลองแชมป์ อ้างจะยิงขึ้นฟ้า แต่ดันพุ่งขนานพื้นใส่รถกระบะ เกิดไฟลุกไหม้ พยายามเข้าไปดับ แต่ไม่สำเร็จเลยหนี ตร.แจ้งข้อหา “กระทำการให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย" 

 

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผู้กำกับการ สภ.คลองหลวง, พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รองผู้กำกับสืบสวน, พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวงสารวัตรสืบสวน, พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สารวัตรสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง กรณีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ เมนสเตเดี้ยม ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ รีโว่ คัพ 2024 ซึ่งคู่ชิงชนะเลิศระหว่าง สโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ทำการแข่งขันตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 

 

ต่อมาเวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จสิ้นจากการแข่งขันฟุตบอลแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ได้รับความเสียหาย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่ามีรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆย 7954 กรุงเทพมหานคร ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย

 

จากการตรวจสอบพบ นายอรุณ เชิตโฉม อายุ 46 ปี เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. นายอรุณ ได้พาบุตรชายมาแข่งขันฟุตซอลที่สนามฟุตซอล ซึ่งอยู่ติดกับสนามฟุตบอลเมนสเตเดี้ยม และได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดไว้บริเวณจุดเกิดเหตุใกล้กับสนามฟุตบอลเมนสเตเดี้ยม โดยผู้เสียหายไม่ได้มาเชียร์บอล รีโว่คัพ แต่อย่างใด หลังจากนั้นเวลาประมาณ 21.30 น. ได้ทราบว่ารถยนต์ของตนเองได้ถูกเพลิงไหม้จนได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณริมถนนข้างสนามฟุตบอลเมนสเตเดี้ยม และเวลาที่เกิดเหตุคือเวลา 21.07 น. ของวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันฟุตบอล กองเชียร์ฟุตบอลกำลังเดินทางกลับ

...

  

จากการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ มีพยานหลักฐานชัดเจน พบว่าระหว่างที่กองเชียร์ฟุตบอลกำลังเดินทางกลับ ได้มีชาย 1 คน ได้จุดพลุแฟลร์อยู่ริมถนนทางเดินด้านข้างสนามฟุตบอลเมนสเตเดี้ยม ห่างจากรถยนต์คันดังกล่าวประมาณ 7 เมตร ซึ่งขณะจุดพลุแฟลร์นั้น ชายที่ก่อเหตุได้หันปลายพลุแฟลร์ขึ้นไปบนฟ้า แต่พลุแฟลร์ได้มีการแตกออก และทำให้พุ่งขนานพื้นเข้าไปที่รถยนต์คันดังกล่าว จนเกิดเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย และเมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว ชายที่ก่อเหตุได้รีบวิ่งไปที่รถยนต์เพื่อจะดับไฟ แต่ไม่สามารถดับไฟได้ จึงได้หลบหนีไป ขณะเกิดเหตุไม่พบว่ามีการทะเลาะกัน หรือการเล็งพลุแฟลร์ใส่รถยนต์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวผู้กระทำผิด ทราบชื่อ นายสงกรานต์ วงศ์เนียม อายุ 32 ปี ที่อยู่ 11/486 ม.1 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และต่อมาวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ผู้ต้องหาได้เข้ามามอบตัวที่ สภ.คลองหลวง 

   

สอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มาชมฟุตบอลที่สนามเมนสเตเดี้ยม โดยชื่นชอบและมาเชียร์ทีมสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อการแข่งขันฟุตบอลจบ ทีมสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นผู้ชนะ ผู้ต้องหาได้ออกมาจากสนามฟุตบอล และมาหยิบฟลุแฟลร์ที่ตนเองซ่อนไว้และทำการจุดพลุแฟลร์ โดยหันปลายขึ้นไปบนฟ้า แต่พลุแฟลร์เกิดการระเบิดขึ้น และทำให้วิถีของพลุแฟลร์ไม่วิ่งขึ้นฟ้า แต่วิ่งขนานพื้นไปถูกรถยนต์คันดังกล่าวและเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ผู้ต้องหาตกใจจึงรีบวิ่งไปที่รถยนต์เพื่อจะดับไฟ แต่ไม่สามารถดับไฟได้ จึงได้หลบหนีไป ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการก่อเหตุนอกสนามฟุตบอล โดยไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ใด และไม่มีเจตนาที่จะยิงพลุแฟลร์ใส่รถยนต์คันดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่เคยรู้จักกับเจ้าของรถยนต์

 

จากการรวบรวมพยานหลักฐานประกอบคำให้การของผู้ต้องหา กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความคึกคะนอง และการกระทำโดยประมาทของผู้กระทำความผิดที่เกิดขึ้นนอกสนามฟุตบอลหลังการแข่งขัน มิได้เกิดจากการกระทบกระทั่งระหว่างแฟนบอลแต่อย่างใด จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “กระทำการให้เกิดเพลิงไหม้ โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย หรือการกระทำโดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของผู้อื่น” 

 

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอฝากเตือนกองเชียร์และผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอล ขอให้เชียร์ฟุตบอลอย่างมีสติ สนุกในเกมการแข่งขัน ไม่ทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในการชมฟุตบอล และการนำพลุแฟลร์มาจุดทั้งในและนอกสนาม อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น และอาจมีความผิดตามกฎหมายได้