พบพิรุธไฟไหม้ซ้ำสองโกดังเก็บกากสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ส่อเค้าวางเพลิงเหมือนครั้งแรก อธิบดีกรมโรงงานฯลงพื้นที่ทิ้งทวนก่อนไขก๊อกเปิดใจปมเหตุลาออกไม่ได้น้อยใจ ปัดตอบถูกกดดันหรือไม่ ยันที่ผ่านมาตั้งใจทำงานเต็มที่แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร รมว.อุตสาหกรรมแจงไม่เคยกดดันใคร ชี้ ขรก.ต้องทำงานเพื่อประชาชน ส่วนสถานการณ์ไฟไหม้เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำข้ามคืนจนควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด พ่อเมืองกรุงเก่าประสานกรมชลฯเปิดระบายน้ำสนับสนุนทีมดับเพลิงเร่งควบคุมสถานการณ์ ตรวจคุณภาพอากาศยังไม่เป็นอันตราย แต่มีกลิ่นเหม็นระยะไกล ขณะที่ รพ.ภาชี สั่งปิดชั่วคราว หลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปหมดแล้ว ชาวบ้านได้รับผลกระทบแห่ตรวจร่างกายที่ รพ.สนาม

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ซ้ำสองที่โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม ริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังร้างที่มีผู้ลักลอบนำกากสารเคมีมาเก็บไว้กว่า 4,000 ตัน ถูกเจ้าหน้าที่ยึดเป็นของกลางในคดี ก่อนหน้านี้เคยถูกเพลิงไหม้ไปครั้งหนึ่งเมื่อคืนวันที่ 29 ก.พ. ครั้งนี้เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ค. ภายในโกดังที่4 และโกดังที่ 5 เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดนานหลายชั่วโมงยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ด้านนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ประกาศลาออกจากราชการกลางวงประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยยื่นหนังสือลาออกกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว คาดปมเหตุจากถูกกดดันหนักทั้งกรณีไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีทั้งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ระยองรวมถึงการลักลอบขนย้ายกากแร่ตะกอนแคดเมียมจาก จ.ตาก

อธิบดี กรอ.ลุยไฟไหม้ทิ้งทวน

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 พ.ค. นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เดินทางไปยังโกดังที่เกิดเหตุ มีนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมวางแผนการควบคุมสถานการณ์ นายจุลพงษ์เผยว่า เพลิงไหม้โกดังที่ 4 และ 5 เป็นกากสารเคมีที่มีผู้ลักลอบนำมาเก็บไว้อยู่ระหว่างการดำเนินคดี เบื้องต้นด้านในมีสารเคมีประเภทสารเหล็ก กรด น้ำมัน และสารเคมีที่ใช้งานแล้ว ไฟไหม้แบบนี้จะเกิดเป็นก๊าซฟุ้งกระจาย ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดยตั้งรถตรวจหาค่าไว้ที่หน้าอำเภอและที่โรงพยาบาลภาชี ตามทิศทางลม ขอตรวจวัดหาค่าสารเคมีต่างๆ ก่อนว่ามีสารอะไรปนเปื้อนในอากาศออกมาบ้าง

...

ได้งบกำจัดแล้วรอทำทีโออาร์

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเผยต่อไปว่า กากสารเคมีในโกดังนี้อยู่ในขั้นตอนสั่งการให้เจ้าของโกดังเอาไปกำจัด แต่เจ้าของโกดังยังไม่ดำเนินการ มีอีกทางคือรัฐต้องนำไปทำเอง เพิ่งได้รับงบประมาณปี 2567 ขอไว้กำจัดสารที่ราชบุรีต้องเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากที่ราชบุรีมาใช้ที่อยุธยาอยู่ระหว่างการทำทีโออาร์ เพื่อจัดจ้างกำจัด เบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 28 ล้านบาท แต่ได้งบปี 67 มาแค่ 6.9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะนำมาทำตรงนี้ก่อนรองบไว้ที่ 60 ล้านบาทเพื่อไปใช้ที่ราชบุรี ได้งบมา 6.9 ล้านบาทแต่ตนไม่ได้ใช้ เพราะไปของบกลางจากนายกฯได้มาทำแทน ต้องขอเปลี่ยนแปลงจากราชบุรีมาใช้ที่ภาชีก่อน ได้ตอบกลับมาแล้วว่าไม่ขัดข้อง ตอนนี้เหลือการทำทีโออาร์จัดจ้าง

เปิดใจปมไขก๊อก–ปัดน้อยใจ

ต่อข้อถามถึงการยื่นหนังสือลาออกจากราชการ นายจุลพงษ์เปิดใจว่า หลังจากได้รับตำแหน่งช่วงระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมายืนยันว่าตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร สิ่งที่เกิดขึ้นมีข่าวว่าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวอธิบดี เพื่อปัญหาจะดีขึ้น ตนก็โอเค ยื่นใบลาออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังมาทำงานอยู่ ไม่ได้น้อยใจ คิดว่าคงถึงเวลาแล้ว ไม่ขอพูดว่าเกิดจากแรงกดดันหรือไม่กดดัน แต่ยังขอทำให้เต็มที่จนกว่าจะอนุมัติให้ลาออก

ระดมฉีดน้ำข้ามคืนไม่ดับสนิท

ต่อมาในช่วงเช้า หลังจากเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในโกดังที่ 4 และโกดังที่ 5 ตลอดทั้งคืน ผ่านไปกว่า 10 ชม. สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว แต่ไฟยังไม่ดับสนิทเนื่องจากมีไฟปะทุจากใต้กองเศษซากถังบรรจุสารเคมีที่ถูกไฟไหม้กองสุมกันจำนวนมาก ต้องระดมฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลา ยังคงมีกลุ่มควันสีขาวลอยคละคลุ้งอยู่ภายในโกดัง ส่งกลิ่นเหม็นไปไกลกว่า 100 เมตร

ผวจ.ประสานกรมชลระบายน้ำ

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เกิดเหตุ ประสานไปยังกรมชลประทาน เพื่อขอเปิดการระบายน้ำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยานำรถสูบส่งระยะไกลเข้าสูบน้ำ และนำรถกระเช้าดับเพลิงสูง 90 เมตร เข้ามายิงน้ำระดับสูงเพื่อฉีดจากด้านบนลงมาสู่พื้นผิวด้านล่างตรงจุดที่ไฟไหม้บริเวณโกดังที่ 4 และโกดังที่ 5 เนื่องจากภายในโกดังมีสารเคมีหลายชนิด รวมถึงสารเคมีชนิดเข้มข้น สามารถกัดพื้นผิวรองเท้าเสื้อผ้าขาดได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเข้าปฏิบัติงานด้วยความยากลำบาก

มีรายงานว่า ในวันที่ 2 พ.ค. จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการขนย้ายสารเคมีที่เก็บไว้ในโกดังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เพื่อนำไปเก็บไว้อีกที่ จะมีการประชุมที่ที่ว่าการอำเภอภาชี แต่ยังไม่ทันได้ประชุมก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ก่อน

...

ย้ายผู้ป่วย รพ.ภาชี ปิดชั่วคราว

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 เผยว่า เพลิงไหม้สารเคมีขณะนี้ยังคงส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100-300 เมตร และทิศทางลมที่พัดพาไป สาธารณสุขจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยาร่วมกับ รพ.ภาชี ตั้งศูนย์เฉพาะกิจให้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวที่หน้า รพ.ภาชี และในส่วนของ รพ.ภาชี ได้ปิดทำการชั่วคราว ผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลทั้งหมด 35 ราย จำหน่ายกลับบ้าน 17 ราย ส่วนอีก 18 รายเคลื่อนย้ายส่งรักษาต่อ 3 โรงพยาบาลในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามไว้ที่วัดโคกม่วง สำหรับควันหรือมลพิษที่เกิดขึ้นในอากาศ ได้ประสานกรมควบคุมมลพิษนำรถเข้ามาตรวจแล้ว เบื้องต้นสภาพอากาศถือว่ายังไม่เป็นอันตรายมาก แต่ในบริเวณโรงงานจุดที่เพลิงไหม้มีค่ามลพิษที่สูงมาก

ทีม สสจ.ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพ

นพ.ปรีชา เปรมปรี สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 4 เผยว่า หลังจากโกดังสารเคมีถูกไฟไหม้ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ได้นำรถตรวจสภาพอากาศเคลื่อนที่ตั้งอยู่หน้า รพ.ภาชี เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าบริเวณใดมีค่าอากาศมลพิษสูงมากน้อยแค่ไหน จะมีผลกระทบกับทางเดินหายใจ ระคายเคืองผิวหนังและแสบตา วิธีการป้องกันอันดับแรก ต้องนำตัวเองออกจากพื้นที่ที่อันตราย และป้องกันโดยการใส่แมสก์ แต่แมสก์ถือว่าช่วยได้น้อย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ สาธารณสุขจังหวัดจะส่งทีมงานลงพื้นที่ตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง บางรายอาจจะต้องเจาะเลือดเพื่อติดตามผล

จัดซ้อมแผนมาดีไม่มีอุปสรรค

นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ นพ.ปรัชญา พยัคฆ์เรือง ผอ.รพ.ภาชี เผยว่า รพ.ภาชี เคยประสบปัญหาเพลิงไหม้สารเคมีส่งกลิ่นเหม็นมาแล้วจึงมีการเตรียมการและซ้อมแผนมาอย่างดี ไม่มีอุปสรรคในการขนย้ายผู้ป่วย และติดป้ายเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่มีชื่อนัดหาหมอหรือตรวจสุขภาพส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง ทางโรงพยาบาลจะมีไรเดอร์เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือ อสม.ประจำพื้นที่นำยาจัดส่งถึงบ้าน ส่วนผู้ป่วยที่ส่งรักษาต่อตามโรงพยาบาล หากตรวจรักษาครบกำหนดวันแล้วก็สามารถส่งกลับ บ้านได้เลย แต่หากเป็นผู้ป่วยในที่ยังคงต้องรักษาต่อเนื่องก็จะกลับมารักษาต่อที่ รพ.ภาชี

...

แห่ตรวจร่างกายที่ รพ.สนาม

ที่วัดโคกม่วง หมู่ 1 ต.โคกม่วง อ.ภาชี สถานที่ตั้งโรงพยาบาลสนาม มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสูดดมควันพิษทยอยเข้ามาตรวจรักษา ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคือง คัดจมูกหายใจไม่ออก และแสบคอ มีทีมแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ของ รพ.ภาชี และ รพ.สต.ภาชี อยู่ประจำตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นายสมทรง จารุกาล อายุ 50 ปี หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ มีบ้านอยู่ห่างจากโกดังเพียงแค่ 100 เมตร เผยว่าหลังเกิดเหตุไฟไหม้เมื่อคืนได้พาครอบครัวออกไปนอนบ้านญาติที่อยู่ห่างออกไป ทุกคนมีอาการหายใจไม่ออก แสบหน้าอก เช้านี้รีบมาตรวจที่โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ทำประวัติและตรวจดูอาการแล้วไม่กระทบกระเทือนด้านระบบทางเดินหายใจ ให้กลับบ้านได้

นายก อบต.ระดมช่วยเหลือ

นายสกล โรจนีย์ นายก อบต.โคกม่วง เผยว่า หลังเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืน เจ้าหน้าที่ อบต.ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ วันนี้นำกำลังมาที่วัดโคกม่วงเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนได้รับทราบ และ อบต.ได้สนับสนุนอาหารและน้ำดื่มให้เจ้าหน้าที่ แพทย์พยาบาล และผู้ที่มาใช้บริการตลอด 24 ชม.

...

ไขคดีเจ้าของโกดังซุกสารเคมี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโกดังที่เกิดเหตุมีทั้งหมด 5 โกดังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ถูกทิ้งร้างมานานหลายปีมีเจ้าของร่วม 2 ราย เมื่อปี 2565 มีการติดต่อขอซื้อโกดังแต่ไม่สามารถซื้อได้จึงใช้วิธีการเช่าแทน มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบุคคลและบริษัท หลังจากพบว่าภายในโกดังมีการลักลอบนำกากสารเคมีอุตสาหกรรมมาเก็บไว้ กรมโรงงานได้แจ้งความเอาผิดกับบริษัทเอกอุทัย ทั้งตัวนิติบุคคลและกรรมการ เมื่อปี 2565-2566 ตามพยานหลักฐานที่พบภายในโกดัง ทั้งรถบรรทุกที่จอดอยู่ และถังเก็บสารเคมีที่ระบุว่าเป็นของบริษัทเอกอุทัย ตำรวจ ปทส.รวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายฯ ต่อผู้เกี่ยวข้องกับการเช่า และบริษัทเอกอุทัย มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ให้การปฏิเสธ

ชี้พิรุธไหม้ซ้ำสองส่อวางเพลิง

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ก.พ. เกิดเพลิงไหม้ครั้งแรกที่โกดัง หลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุพบพยานหลักฐานหลายชิ้น มีการตั้งเวลาระเบิดเพลิงเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้โกดังทั้งหมด แต่เกิดระเบิดเพียงโกดังเดียวและมีเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้รวดเร็ว จึงเชื่อว่ามีความพยายามที่จะเผาทำลายหลักฐานโดยการวางเพลิง ผ่านไปเพียง 2 เดือนก็มาเกิดเพลิงไหม้ซ้ำเป็นครั้งที่สองอย่างน่ามีพิรุธ เนื่องจากเกิดไฟไหม้ก่อนจะมีการประชุมเตรียมขนย้ายสารเคมีในโกดังเพียงวันเดียว ส่อเค้าว่าอาจเป็นการวางเพลิงเช่นกัน
สำหรับอัตราโทษครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ถือเป็นข้อหาที่เล็กน้อยมาก แต่หากศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดจะต้องรับผิดชอบเรื่องการขนย้ายและกำจัดสารเคมีซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก ผู้กระทำผิดจึงเลือกที่จะใช้วิธีการเผาทำลายของกลางทั้งหมด

ตำรวจ ปทส.ขยับขอหมายจับ

พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. กล่าวว่า กรณีโกดังเก็บสารเคมีที่ จ.พระนครศรีอยุธยาเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นครั้งที่สอง บก.ปทส.อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกอุทัย จำกัด หลังพบว่าเป็นเจ้าของโกดังเก็บกากสารเคมีในพื้นที่ จ.ระยอง ที่เกิดเพลิงไหม้ก่อนหน้านี้ และเอาผิดผู้ทำสัญญาขอเช่าโกดัง จะส่งสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับทั้ง 2 กลุ่มใน 4 ข้อหา เช่น ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยโดยมิได้รับใบอนุญาต ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้เรียกกลุ่มผู้ต้องหาที่มี 5-6 คนมาสอบปากคำ พบว่า 1 ในนั้นคือผู้ที่ทำสัญญาเช่าโกดังคนแรกไม่ยอมเข้าให้ปากคำ หลังจากนี้จะขอหมายจับ และนำหมายจับดังกล่าวส่งพร้อมสำนวนให้อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อส่งฟ้องต่อไป

เฝ้าจับตา 5 แห่งหวั่นถูกเผาซ้ำ

มีรายงานว่า โกดังเก็บสารเคมีใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดไฟไหม้ 2 ครั้งนี้ มีส่วนเชื่อมโยงกับโกดังเก็บกากสารเคมีบริษัทวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แม้ว่ากลุ่มผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัทจะเป็นคนละกลุ่มกัน แต่ในทางสืบสวนพบว่ามีนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังเป็นบุคคลเดียวกัน หลังจากโกดังเก็บกากสารเคมีที่ จ.ระยอง ถูกตัดสินให้มีความผิดได้ผ่องถ่ายหรือเคลื่อนย้ายกากสารเคมีของกลางเก็บซุกซ่อนไว้ที่โกดังหรือโรงงานสาขาที่อยู่ในเครือเดียวกัน 5 แห่ง อยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา 3 แห่ง แยกเป็น อ.อุทัย 2 แห่ง และ อ.ภาชี 1 แห่ง (โกดังที่เกิดไฟไหม้) ที่เหลืออีก 2 แห่งอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.เพชรบูรณ์ โรงงานหรือโกดังทั้งหมดถูกตำรวจ บก.ปทส. ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเร่งสรุปสำนวนคดี จากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นกับโรงงานทั้ง 2 แห่ง ตำรวจ บก.ปทส. ได้ประสานข้อมูลร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เฝ้าจับตาโรงงานหรือโกดังสาขาอื่นๆที่เหลือของบริษัทเอกอุทัย ตามพื้นที่ต่างๆอย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ขึ้นซ้ำอีก

นายกฯสั่งเร่งแก้สถานการณ์

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการ ทุกหน่วยสนับสนุนการดับไฟและบรรเทาสถานการณ์ไฟไหม้โกดังอายัดสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนคร ศรีอยุธยา อย่างเต็มที่ รวมทั้งตรวจสอบสารเคมีตกค้าง และอพยพประชาชนบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมและช่วยเหลือดูแลประชาชน นายกฯให้วางแผนการทำงานแบ่งทีมการทำงานแก้ไขสถานการณ์ ดับไฟ ฉีดน้ำซับสารเคมี ตรวจสอบสารเคมีตกค้าง และให้ความช่วยเหลือประชาชนบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งขอให้ทีมช่วยเหลือจากจังหวัดใกล้เคียงสแตนด์บายช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย และไม่ออกมาอยู่บริเวณที่โล่ง พร้อมระดมแพทย์เข้าดูแล

รมว.อุตฯแจงไม่ได้กดดันใคร

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยกรณีนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องลาออก ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับนายจุลพงษ์ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ลงพื้นที่ไป จ.ระยอง กับนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ กรณีที่นายจุลพงษ์ระบุว่าลาออกเพราะเกิดความน้อยใจและความกดดัน ถ้าติดตามข่าวอย่างละเอียดจะเห็นว่าตนให้กำลังใจคนทำงานมาตลอด ไม่ได้ระบุว่าเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม หรืออธิบดี กรอ. แต่บอกว่าทุกคนต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพราะ 1 เดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมเจอภาวะวิกฤติในหลายด้าน และในทุกปัญหากระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก มันกดดันให้เราต้องทำงานอย่างเต็มที่

ขรก.ต้องทำงานเพื่อประชาชน

รมว.อุตสาหกรรมกล่าวด้วยว่า จะมาบอกว่าน้อยใจหรือเสียกำลังใจไม่ได้ เพราะเราต้องทำงาน เป็นข้าราชการต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ตัว รมว.อุตสาหกรรมก็ต้องทำงาน ถ้าไม่มีผลงานก็ต้องพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้บอกว่าจะปรับเปลี่ยนใคร แต่ถ้าเมื่อไรที่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ได้ทำตามหน้าที่สังคมก็จะต้องตั้งคำถาม รมว.อุตสาหกรรมไม่สามารถหนีความรับผิดชอบได้ ดังนั้น เราต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ไม่มีเวลามานั่งท้อหรือเสียใจ และเมื่อเกิดวิกฤติเราควรใช้โอกาสแสดงฝีมือให้ประชาชนเห็นว่าเราช่วยประชาชนได้ และที่สำคัญประตูห้องทำงานรัฐมนตรีก็เปิดตลอด มีปัญหาอะไรก็มาคุยกันได้

ก้าวไกลจี้สอบเชิงลึกไหม้ซ้ำซาก

ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และเชื่อมโยงเหตุการณ์ไฟไหม้ที่อื่นๆแบบซ้ำซากว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ควรลงรายละเอียดเชิงลึกไปถึงขนาดว่าวันนี้เจ้าของเดียวกัน บริษัทในเครือเดียวกันที่อยู่ในหลายจังหวัด มีพฤติกรรมการแก้ปัญหาแบบเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ ถ้าจุดจบอยู่ที่เพลิงไหม้ทุกครั้งต้องหาความจริงให้ประชาชนให้ได้ ไม่อย่างนั้นกลุ่มทุนนายทุนจะแก้ปัญหาแบบเอารัดเอาเปรียบสังคมแบบนี้ทุกครั้ง

อธิบดีลาออกลอยแพลูกน้อง

นายณัฐชากล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมโรงงานฯยื่นลาออกจากตำแหน่งว่า ถ้าต่างชาติเกิดเหตุอะไรขึ้น ก่อนจะรับผิดชอบโดยการลาออกจะแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยก่อนจนสุดความสามารถ วันนี้พอเกิดเหตุปุ๊บออกปั๊บเหมือนลอยแพลูกน้อง ทิศทางการแก้ปัญหายังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหน คนระดับอธิบดีไม่น่าลาออกง่ายๆ แต่การลาออกครั้งนี้คิดว่าน่าจะมีแรงกดดันภายในสูงพอสมควร ทั้ง รมว.อุตสาหกรรมเอง หรือภายในองค์กรเอง ทำให้เกิดการลาออก เมื่อถามว่าการลาออกเพื่อไม่ให้ความผิดถึงตัว นายณัฐชากล่าวว่า ถ้าการทำผิดเกิดในห้วงเวลามีตำแหน่งหน้าที่ และเข้าไปมีส่วนรู้เห็น ไม่ว่าจะลาออกหรือหนีไปที่ไหนก็สามารถกลับไปดำเนินคดีได้ เห็นข้าราชการหลายคนที่ลาออกไปแล้วสุดท้ายเป็นคดีความกัน หลังจากนั้น 4-5 ปี ต้องกลับมารับโทษอยู่ดี ฉะนั้น การลาออกไม่ใช่คำตอบ

ทดสอบโกดังพักคอยแคดเมียม

ส่วนความคืบหน้าการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมกลับไป จ.ตาก ที่มีปัญหาประชาชนในพื้นที่หวาดระแวงเรื่องสารพิษที่อาจตกหล่นในโกดังพักคอยเก็บกากตะกอนแร่และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ให้บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ทดสอบทางวิศวกรรม โดยให้หน่วยงานกลางหรือสถานศึกษาเข้ามาทำการทดสอบความแข็งแรง วิเคราะห์ค่ากำลังอัดของพื้นผิวโกดังพักคอย ตามข้อห่วงใยของประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้ได้รับแจ้งจากบริษัทว่าได้ประสานงานไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.ตาก ที่เป็นหน่วยงานกลางให้มาทดสอบความแข็งแรงของพื้นผิวโกดังพักคอยเก็บกากตะกอนแร่

ให้ประชาชนร่วมสังเกตการณ์

นายณัฐพลกล่าวต่อไปว่า คณะฯได้มอบให้ผู้เชี่ยวชาญ มีนายขวัญชัย เทศฉาย อาจารย์ประจำภาควิชาฯ และนายศรัณย์ เจ็กสมบัติ วิศวกรโยธา เป็นผู้เข้ามาทดสอบด้วยวิธี Plate bearing test (การทดสอบกำลังรับน้ำหนักแบกทานของพื้นดิน) เพื่อให้ทราบการรับน้ำหนักบรรทุกของดิน โดยใช้น้ำหนักกด 12 เมตริกตัน/ตรม. ตามมาตรฐานการทดสอบความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกของพื้นดิน (มยผ.1253-62) ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กำหนดทดสอบ 1 ตำแหน่งต่อพื้นที่ 300 ตารางเมตร จะทดสอบ 8 ตำแหน่ง เพื่อครอบคลุมพื้นที่ 2,200 ตารางเมตร ใช้เวลาทดสอบตำแหน่งละ 2 ชม.ในเวลา 2 วัน และได้มอบให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่กำกับดูแลจังหวัดตากและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ประสานไปยังตัวแทนภาคประชาชนและหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ให้มาร่วมสังเกตการณ์การทดสอบเพื่อให้ประชาชนคลายกังวลและสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและความปลอดภัยเป็นหลัก

ป.ป.ช.เล็งเชือด จนท.รัฐมีเอี่ยว

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีลักลอบขนย้ายกากแคดเมียมไปขายให้กลุ่มทุนข้ามชาติว่า ป.ป.ช.ภาค 6 อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการขุดกากแคดเมียมไปขายหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่ที่อนุญาตให้ขน เกี่ยวข้องกับหน่วยใด ใครอนุมัติหรือควบคุม จากการรวบรวมข้อมูล พบมีข้อมูลเพียงพอที่ ป.ป.ช.จะหยิบยกมาพิจารณาได้แล้ว กำลังพิจารณาว่าจะให้ ป.ป.ช.ภาค 6 หรือ ป.ป.ช.กลางเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกรณีอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพราะถูกกดดันนั้น น่าเห็นใจ ต่างจังหวัดบางครั้งมีอิทธิพลมาแฝง เจ้าหน้าที่รัฐมีสายการบังคับบัญชาเยอะ ความกดดันมีเยอะพอสมควร แต่การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐมีทางออกง่ายๆคือ หากมีอิทธิพลแทรกแซงก็แจ้ง ป.ป.ช.ได้ ยินดีช่วยแก้ไขดีกว่าปล่อยให้ผ่านไป ต้องแก้ไขก่อนอย่าให้ปัญหาเกิดขึ้น หากความผิดเกิดขึ้น ป.ป.ช.ต้องลงไปตรวจสอบ

จ่อตรวจ รง.สารเคมีไฟไหม้

เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูเป็นรายกรณีว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปร่วมอนุญาตการประกอบกิจการ การปล่อยของเสียอย่างไรบ้าง มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมหน่วยงานด้วย เข้าใจว่าตอนมาขออนุญาตเปิดโรงงานมีรายละเอียดเกี่ยวกับการกำจัดของเสียอยู่แล้ว แต่หลังได้ใบอนุญาตต้องดูว่ามีการเดินเครื่องกำจัดของเสียหรือไม่ เพราะถือเป็นต้นทุนโรงงาน บางโรงงานเพื่อลดต้นทุนก็ปล่อยของเสียลงแม่น้ำ ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบติดตามหรือไม่ ถ้ารู้แล้วเพิกเฉย ต้องรับผิดชอบ

“ศรีสุวรรณ” ร้องศาลปกครอง

ที่ศาลปกครองกลาง ช่วงสายวันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เข้ายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อฟ้อง รมว.อุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานฯ อุตสาหกรรมจังหวัดตาก และนายกรัฐมนตรี ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติ กรณีปัญหาสารพิษแคดเมียม ขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินระงับการขนย้ายแคดเมียมเป็นการด่วน พร้อมทั้งขอคุ้มครองชั่วคราวให้ศาลสั่งกระทรวงอุตสาหกรรมและผู้ที่เกี่ยวข้องยกเลิกการขนย้ายแคดเมียมกลับไปที่ จ.ตาก ต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่