หนุ่มซิ่งบิ๊กไบค์ตีคู่กับมาเก๋ง หลุดโค้งปีนเกาะกลาง จนรถพลิกคว่ำหลายตลบ ไถลไปไกลกว่าร้อยเมตร ดับคาที่ ก่อนถึงบ้านเพียง 2 กิโลเมตร ขณะที่แม่และภรรยารอรับประทานข้าวพร้อมหน้า
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 6 เม.ย. 67 ร.ต.อ.ประสิทธิ์ กาญจนศร รอง สว.สอบสวน สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุบนถนนเทพารักษ์ขาออก หลักกิโลเมตรที่ 22 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต จึงพร้อมด้วย แพทย์นิติเวชสถาบันจักรกรีนฤบดินทร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบ
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ คาวาซากิ Z1000 สีขาว หมายเลขทะเบียน 4กจ 4530 ชลบุรี พลิกคว่ำอยู่ในเลนขวา ในสภาพพังยับเยิน มีเศษชิ้นส่วนและกอหญ้ากระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน ใกล้กันพบศพ นายลีนวัฒน์ โรจนศรีชัยธร อายุ 35 ปี ที่อยู่ 64/27 หมู่ที่ 1 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ นอนเสียชีวิตจมกองเลือดในสภาพไม่ได้สวมหมวกกันน็อกแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงกั้นพื้นที่ และร่วมกันตรวจสอบและชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งถ่ายภาพ และลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน
...
ขณะที่ภรรยาและมารดา รวมถึงเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิต พอทราบข่าวรีบเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ต่างพากันช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเข่าอ่อนฟุบกองกับพื้น เจ้าหน้าที่ต้องประคองร่างไปดูแลอย่างใกลชิด หวั่นช็อกหมดสติ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกับผู้ตาย และเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ส่วนทรัพย์สินของผู้ตายโดยเฉพาะสร้อยคอทองคำที่ขาดตกอยู่ที่พื้นถนน เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูตาไวหันไปเจอ จึงแจ้งญาติให้มาเก็บรักษาสร้อยคอดังกล่าว
จากการสอบถาม นายรังสันต์ เนินพลับ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า พบเห็นรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุขับออกมาจากซอยห้างเยส ก่อนจะบิดเร่งความเร็วตีคู่มากับรถเก๋งคันหนึ่ง แล้วรถจักรยานยนต์เสียหลักหลุดโค้งปีนเกาะกลางพลิกหลายตลบไกลหลายร้อยเมตร จนคนขับนอนแน่นิ่งไป จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ส่วน นางกนกวรรณ มารดาของผู้เสียชีวิต บอกว่า บุตรชายทำธุรกิจขายอะไหล่แต่งของรถจักรยานยนต์ ก่อนเกิดเหตุขับรถคันดังกล่าวออกมาหาลูกค้าเพื่อซื้อขายรถกัน และก่อนทราบเรื่องไม่ถึง 30 นาที บุตรชายโทรหาลูกสะใภ้และตนเอง บอกว่ากำลังจะรีบกลับบ้านเพื่อไปทานข้าวพร้อมหน้ากัน ซึ่งตนและลูกสะใภ้ก็รอกันอยู่ที่บ้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงสองกิโลเมตรเท่านั้น จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิโทรหาบอกว่าบุตรชายเกิดอุบัติเหตุ จึงรีบมาดูที่เกิดเหตุดังกล่าว.