เหยื่อค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร้องสายไหมต้องรอด หลังหนีออกมาได้ พร้อมเผยข้อมูล นายทุนคนจีนสร้างอาณาจักรคล้ายคุกขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้ามอรัญประเทศ ซื้อเครื่องดูดเงิน 4 เครื่อง เครื่องละ 4 ล้านดอลลาร์  สามารถดูดเงินได้ 70 บัญชีต่อวัน โดยไม่ต้องกดลิงก์


เวลา 10.30 น. วันที่ 12 ก.พ. 67 ที่ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 เขตสายไหม นายบี (นามสมมติ) อายุ 23 ปี เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังหลบหนีออกมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์


นายบี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนมกราคม ตนถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกัน ติดต่อให้ไปทำงานกาสิโนถูกกฎหมายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตนก็หลงเชื่อ หญิงคนนั้นโอนเงินมาให้ 2 พันบาท เป็นค่าเดินทางไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อข้ามฝั่งไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อข้ามไปแล้วตนก็ทราบว่าถูกหลอกให้มาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อคิดหนีก็สายไปแล้ว จึงจำยอมทำงาน


เมื่อเข้าไปในนั้น เห็นเป็นอาณาจักรที่คนจีนสร้างไว้คล้ายเรือนจำ มีหลายตึก มีรั้วล้อมรวดหนาวสูง 4 เมตร ยากจะข้ามหนี ตนเห็นอุปกรณ์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกคน เป็นเครื่องดูดเงิน 4 เครื่อง เครื่องละ 4 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทย 120 ล้านบาท สามารถดูดเงินได้ 70 บัญชีต่อวัน โดยมีคนจีนเป็นผู้ควบคุมเครื่อง และวิธีการทำงานไม่ซับซ้อน แค่โทรศัพท์ไปหาคนไทยเพื่อให้ยืนยัน ชื่อ-สกุล เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ และเลขบัญชีธนาคาร ส่วนตนจะแนะนำตัวว่าเป็นพนักงานจากหน่วยงานรัฐบาล พยายามชวนคุยไปเรื่อยๆ ให้ครบ 2 นาที เมื่อคนไทยพูดยืนยันเสร็จสิ้น จะส่งเสียงไปให้เจ้าหน้าที่คนจีนใช้เครื่องดูดเงินทำการแฮกเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจนเงินหมดเกลี้ยงบัญชี ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่คนจีนจะล็อกเป้าไปที่ข้าราชการระดับสูง ข้าราชการเกษียณ และนักธุรกิจคนไทยที่มีเงินในบัญชี 2 ล้านขึ้นไป ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่จะซื้อมาจากธนาคารของรัฐบาล เช่น 1,600 ข้อมูลรายชื่อก็จะราคา 10 ล้านบาท เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ตนก็จะโทรหารายชื่อเหล่านี้ และต้องหายอดให้คนจีนได้โดยไม่ต้องมีลิงก์ประมาณ 150 ล้านบาทต่อวัน ส่วนตนได้เงินเดือนละ 3 หมื่นบาท ค่าคอมมิชชั่น ล้านละ 1 หมื่น 5 พันบาท

...


ต่อมา ตนได้หลบหนีออกมาโดยการใช้ผ้านวมพาดไปยังรั้วลวดหนาม และขึ้นไปยังชั้น 5 เพื่อกระโดดข้ามรั้วที่มีความสูงประมาณ 3-4 เมตร จากนั้นได้เรียกรถ 3 ล้อ ไปส่งที่หน้าด่านอรัญประเทศ และขอยืมโทรศัพท์คนขับรถ 3 ล้อ โทรไปขอยืมเงินจากผู้คุมซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน มาจ่ายค่ารถและค่าข้ามประเทศโดยมุดเข้าช่องทางธรรมชาติ จำนวน 3,000 บาท


นายเอกภพ กล่าวว่า กรณีนี้ตนอาจจะประสานไปยังตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งฝากไปถึงทุกหน่วยงานว่าอย่ากระทำแบบนี้กับคนไทยด้วยกันเองเลย หากเจ้าหน้าที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐท่านใดกำลังกระทำอยู่ขอให้เลิกทำและเลิกกินเงินสินบน นอกจากนี้ยังได้รับทราบข้อมูลมาว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการเบิกถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารตามแนวชายแดนในประเทศไทยทุกวัน แต่ทำไมธนาคารถึงไม่สงสัยเลย หรือมีการติดสินบนแก่เจ้าหน้าที่ธนาคารหรือไม่ จึงอยากฝากให้ธนาคารและตำรวจชายแดนตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย