นายกฯเปิดปฏิบัติการสางปัญหายาเสพติดระยะ 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติสั่งจัดการตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทั้งสกัดกั้นการลักลอบนำเข้า จับกุมยึดทรัพย์ จัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยเข้ารับการบำบัด มอบนโยบาย 10 ข้อ ตั้งเคพีไอลดปัญหาภายใน 4 ปี กำชับทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งกลไกขับเคลื่อนเข้มข้นทุกระดับ “หมอชลน่าน” ร่วมพิธีเผายาเสพติดของกลาง ครั้งที่ 57 น้ำหนักมากถึง 340 ตัน กว่า 8 แสนคดี ชี้ต่อไปต้องเผาทำลายทุก 2 เดือน ไม่ต้องรอให้คดีจบก่อน
ที่ห้องประชุมแกรนด์ฮอลล์ 201-202 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายเศรษฐากล่าวเปิดงานว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังคงมีความรุนแรง ประชาชนห่วงใยลูกหลานยังมีข้อกังวลจำนวนมาก ได้รับข้อร้องเรียนมาตลอดตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน จากที่ได้ฟังเรื่องร้อนใจ เห็นแววตาของพ่อแม่ที่มีลูกหลานติดยาเป็นประสบการณ์ที่น่าเศร้าใจ อยากส่งคำอ้อนวอนของประชาชนขอให้เอาจริงเอาจัง การจัดการยาเสพติดต้องเริ่มที่แหล่งต้นตอ ลักลอบนำเข้าในหลายจังหวัดชายแดนภาคเหนือ ภาคเหนือตอนบน เคลื่อนย้ายมาตาม จ.ตาก จ.กาญจนบุรี จ.ระนอง ต้องจัดการจุดระบาดในหลายจังหวัดที่น่าเป็นห่วง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาสงครามกลางเมืองภายใน การผลิตยาเสพติดเพื่อนำมาซึ่งเงินทองมาทำกิจกรรมทาง
...
การเมืองยิ่งแพร่ขยายมาก ทำให้มีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามตะเข็บชายแดนมากขึ้น ส่วนปัญหาด้านจิตเวชจากการเสพยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 30 จังหวัดที่มีสถานการณ์ความรุนแรงทางด้านจิตเวชจากยาเสพติด จึงกำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนินการจริงจังและเด็ดขาดให้เร่งลดความรุนแรงจากภัยยาเสพติดอย่างจริงจัง การจับกุมและการยึดทรัพย์ผู้ค้า จัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย เข้ารับการบำบัดลดความรุนแรง
นายกฯกล่าวต่อไปว่า ขอมอบนโยบาย 10 ข้อเป็นแนวทางลดปัญหายาเสพติดดังนี้ 1.ลดความรุนแรงจากปัญหาผู้ที่มีอาการจิตเวชจากยาเสพติด 2.ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติดด้วยการบำบัดรักษาและต่อยอดการแก้ไขปัญหาผู้ผ่านการบำบัดอย่างครบวงจร 3.ดำเนินนโยบายร่วมมือกับต่างประเทศเชิงรุกและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนให้ครอบคลุม 4.ยกระดับการปราบปรามทำลายโครงสร้างเครือข่าย กลุ่มการค้ายาเสพติด ด้วยการตัดวงจรทางการเงินและการริบทรัพย์สิน 5. ป้องกันยาเสพติดไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ 6.ปลุกประชาชนให้ตื่นตัวและเข้าร่วมการแก้ไขปัญหายาเสพติด 7.สร้างนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดใหม่ๆ 8.กำหนดเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดความสำเร็จ หรือ KPI ลดปัญหายาเสพติดภายใน 4 ปีตามนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล 9.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นกำลังสำคัญแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 10.การบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพในทุกระดับ
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ในระดับส่วนกลางให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหลายหน่วยงาน ผนึกกำลังร่วมกันประสานงานผ่านศูนย์อำนวยการป้องกันปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) จัดตั้งกลไกการอำนวยการและขับเคลื่อนในพื้นที่ในระดับจังหวัดให้มี 5 ภาคีร่วม ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กอ.รมน.จังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกลไกชุดเล็กในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ให้มีการกำกับติดตามสั่งการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ รวมถึงให้กลไกทุกระดับเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายและ KPI ในปีแรกให้ได้ จากความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลและทุกภาคส่วน มีส่วนส่งผลให้ปัญหายาเสพติดลดความรุนแรงลงตามเป้าหมายทำให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย คืนลูกหลานให้สู่ครอบครัว ทำให้ผู้เสพกลายเป็นผู้ป่วย ทำให้ชุมชนปลอดจากปัญหายาเสพติด ถือเป็นเจตนารมณ์สูงสุดของรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ร่วมพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง ครั้งที่ 57 มีการ สุ่มตัวอย่างยาเสพติดของกลางก่อนเดินเครื่องเผาทำลายตามลำดับ ทั้งนี้ยาเสพติดทั้งหมดมีน้ำหนักมากถึง 340 ตัน จาก 836,081 คดี มีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) น้ำหนักมากสุดกว่า 156,399 กก. รองลงมา ได้แก่ ยาไอซ์ เฮโรอีน เอ็มดีเอ็มเอ โคคาอีน ไดเมทิล แอมเฟตามีน และยาเสพติดอื่นๆ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้ประสานความร่วมมือในการเผาทำลายยาเสพติดของกลางลอตใหญ่เพื่อเซ็ตซีโร่ยาเสพติดของกลางทั้งหมด ตามนโยบายของ รัฐบาล และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กำหนด เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี ครั้งนี้ขนย้ายยาเสพติด ของกลางจากหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข จ.นนทบุรี ไปยังบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ภายใต้การดำเนินการอย่างเข้มงวดของคณะ ทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง ด้านขนย้าย และด้านรักษาความปลอดภัยและทำลาย จะเผาทำลายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.67
รมว.สาธารณสุขกล่าวต่อไปว่า การเผาทำลายยาเสพติดของกลางเป็นส่วนของการปราบปรามที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังตามที่ นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากนี้ ได้วางแผนที่จะเผาทำลายยาเสพติดในคลังทุก 2 เดือน ตาม พ.ร.บ.ประมวลให้ใช้กฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 กำหนดไว้ว่า เมื่อจับได้และพิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติด ถือเป็นของกลางที่จะถูกทำลายได้เลย ไม่ต้อง รอพิสูจน์คดีให้จบก่อน ส่วนเรื่องการบำบัดรักษาและ ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้า อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย Quick Win ด้านยาเสพติด และจิตเวช โดยการตั้งมินิธัญญารักษ์เพื่อบำบัดรักษา ให้ครบทุกจังหวัด ตามหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็น ผู้ป่วย คืนลูกสู่อ้อมกอดพ่อแม่”
...