ทีมช่างเข้ารื้อรางจ่ายกระแสไฟรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้วเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เผยต้องรื้อที่หลุดออกมาทั้งหมด โดยถอดออกที่ละท่อน ซึ่งอาจไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เนื่องจากรางที่หลุดออกมาจากหมุดยึด น่าจะเกิดการโค้งงอผิดรูป และอาจต้องนำรางจ่ายไฟของใหม่มาติดตั้งแทน ระบุปิดถนนฝั่งขาเข้า เริ่มตั้งแต่แยกชลประทาน-แยกสามัคคี ตั้งแต่เวลา 22.00-03.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะเสร็จ 

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบริเวณหน้าตลาดชลประทาน ถนนติวานนท์ ฝั่งขาเข้า ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุรางจ่ายกระแสไฟของรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) พังถล่มลงมาทับรถยนต์ จนได้รับความเสียหายหลายคัน เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุดพบว่า มีทีมวิศวกรของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด และทีมวิศวกรของบริษัทไอสตรอม ซึ่งเป็นผู้ที่รับติดตั้งระบบรางจ่ายไฟ นำทีมช่างและคนงานจำนวนมาก พร้อมรถเครนขนาดใหญ่ 3 คัน รถกระเช้า 3 คันและเครื่องมือเข้ามารื้อรางจ่ายกระแสไฟ ที่หลุดออกจากหมุดยึดทั้งหมด จากจุดเริ่มต้นที่รางจ่ายไฟหลุดออกจากหมุดยึด ก่อนถึงตลาดชลประทานประมาณ 300 เมตร โดยใช้เชือกมัดรางจ่ายไฟไปผูกโยงกับคานใต้พื้นราง ซึ่งทีมช่างทำงานกันอย่างระมัดระวัง เนื่องจากรางจ่ายไฟมีน้ำหนักมาก วัสดุนั้นทำมาจากดีบุกผสมทองแดง ซึ่งแต่ละท่อนมีน้ำหนักประมาณ 170 กก. และมีความยาว 1.20 เมตร

ขณะที่ ทีมช่างเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตามแผนงานต้องรื้อถอดรางจ่ายไฟที่หลุดออกมาทั้งหมด โดยถอดออกที่ละท่อน ซึ่งอาจไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เนื่องจากรางที่หลุดออกมาจากหมุดยึดนั้น น่าจะเกิดการโค้งงอผิดรูปและอาจต้องนำรางจ่ายไฟของใหม่มาติดตั้ง ทั้งนี้หลังจากรื้อแล้วต้องมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกหรือไม่

...

ทั้งนี้ ทีมช่างที่เข้าถอดรื้อรางจ่ายไฟ จะตั้งแบริเออร์วางแนวเพื่อปิดถนนในฝั่งขาเข้า โดยเริ่มต้นตั้งแต่แยกชลประทานไปจนถึงแยกสามัคคี พร้อมตั้งป้ายเตือนให้รถเบี่ยงขวาใช้ช่องจราจรสวนทางกับฝั่งขาออก ตั้งแต่เวลา 22.00-03.00 น. ของทุกวัน เพื่อนำเครื่องจักรและคนงานเข้าทำการถอดรื้อรางจ่ายไฟ จนกว่าจะแล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรที่หนาแน่นในช่วงกลางวันและในเวลาเร่งด่วน