ครอบครัว “ผกก.เบิ้ม” และเพื่อน นรต. 55 ติดต่อขอรับศพที่ รพ.ภูมิพลฯอย่างโศกเศร้า เคลื่อนร่างไปที่วัดตรีทศเทพฯ สวด 1 คืน แล้วเคลื่อนศพไปต่อที่ จ.อุตรดิตถ์ เผา 17 ก.ย.นี้ โฆษก ตร.แจงไทม์ไลน์ก่อนเกิดเหตุยันไม่มีใครตาม ผบ.สพฐ.เผยผลตรวจหลักฐานน่าเชื่อเป็นเหตุยิงตัวตาย ส่วน “รองต่อศักดิ์” ฉุนตำหนิสื่ออย่ามโนเหมารวม ผกก.เบิ้มถูกฝึกมาเยอะเป็นกลุ่มนักรบ ขณะที่ “รองโจ๊ก” เร่งรัดคดีรอเปิดหลักฐานเซิร์ฟเวอร์ สาวลึกธุรกิจรับเหมากำนันนก นายกฯลั่นไม่ปล่อยผู้มีอิทธิพลลอยนวล

สุดช็อกในวงการสีกากี “ผกก.เบิ้ม” พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล.ยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 19/123 หมู่บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี คาดปมเหตุมาจากความเครียดในคดีสมุน “กำนันนก” หรือนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 35 ปี อดีตกำนันตำบลตาก้อง อ.เมืองนครปฐม กระหน่ำยิง พ.ต.ต.ศิวกร หรือสารวัตรศิว สายบัว สว.ส.ทล.1กก.2 บก.ทล เสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านกำนันอย่างอุกอาจต่อหน้าตำรวจอีกหลายนาย ภายหลังเกิดกระแสสังคมกดดันมองว่า ผกก.เบิ้ม เป็นต้นเหตุชวนลูกน้องมาตายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสูญเสียตำรวจน้ำดีไปถึง 2 นาย ผบ.ตร.สั่งกำชับสางคดีกำนันนกอย่างเร่งด่วน

แจงคดี ผกก.เบิ้มยิงตัวดับ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า จากกรณี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. เสียชีวิตภายในบ้านพักในพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี หลังเกิดเหตุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของข้าราชการตำรวจในเหตุการณ์นี้ ผบ.ตร.รู้สึกเช่นเดียวกัน นายกรัฐมนตรีสั่งการกำกับดูแลทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมที่สุด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับคดีที่เกิดขึ้น แล้วรายงานผลให้ทราบ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและควบคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตัวเอง เน้นการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการทำงานให้ปรากฏข้อเท็จจริง ตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ผบช.ภ.1 รายงานผลคดีให้ทราบในเบื้องต้น มีผลการตรวจที่เกิดเหตุ การสอบสวนปากคำพยาน การตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ภาพจากกล้องวงจรปิด และผลการชันสูตรพลิกศพ

...

เผยไทม์ไลน์ก่อนก่อเหตุสลด

โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า มีไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องทางคดีตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุวันที่ 10 ก.ย. เวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.วชิราร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานี ก่อนที่เวลา 22.00 น. จะขอตัวกลับไปพักที่โรงแรมไอบริส สอบปากคำเพื่อนที่ร่วมรับประทานอาหาร พ.ต.อ.วชิราพูดคุยถึงความเครียดในสิ่งที่เกิดขึ้น บ่นตลอดเวลาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรุ่นน้องสารวัตรตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิต และไม่ค่อยทานข้าว ต่อมาเวลา 04.23 น.วันที่ 11 ก.ย. ภาพวงจรปิดพบ พ.ต.อ.วชิราเดินออกจากโรงแรม แล้วเดินไปตามถนนป๊อปปูล่า ซอย 2 ขึ้นรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีชมพู ทะเบียน ทฬ 806 กรุงเทพมหานคร กลับบ้าน

ปีนรั้วเพราะกุญแจรีโมตอยู่ในรถ

จากการสอบปากคำนายสุจิต ผู้ขับรถแท็กซี่ ให้การว่า รับ พ.ต.อ.วชิราจากจุดดังกล่าวมาส่งที่หมู่บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ส่งถึงบ้านเวลาประมาณ 04.50 น. ระหว่างเดินทางไม่ได้คุยอะไรนอกจากบอกเส้นทาง เมื่อ พ.ต.อ.วชิราเดินทางมาถึงบ้าน ปีนรั้วบ้านเข้าไปยังบ้าน เนื่องจากไม่มีกุญแจรั้วบ้าน จากการสอบปากคำตำรวจเป็นพลขับของ พ.ต.อ.วชิรา ทราบว่า กุญแจรั้วบ้านเป็นกุญแจรีโมตอยู่ภายในรถประจำตำแหน่งของ พ.ต.อ.วชิรา ไม่ได้ติดตัวอยู่ในขณะนั้น พ.ต.อ.วชิราปีนรั้วเข้าไปภายในบ้านกดรหัสประตูดิจิทัลเข้าไปในบ้านเวลา 04.51 น.

วงจรปิดได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด

ต่อมาเวลา 04.55 น. หลังจากที่ พ.ต.อ.วชิรา เข้าบ้านไปประมาณ 5 นาที มีภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด คาดว่าเป็นช่วงที่ พ.ต.อ.วชิราใช้ปืนยิงตัวตาย ตรงกับผลการชันสูตรของแพทย์ที่ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชม. ผลการตรวจที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง พบปืนที่ตกในที่เกิดเหตุเป็นปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อกล็อก ทะเบียน นฐ.03/ 4500091 ตรวจสอบผู้ครอบครองคือ พ.ต.อ.วชิรา

เพื่อนโทร.ถามรหัสเข้าบ้านจากเมีย

การตรวจสอบร่องรอยบ้านที่เกิดเหตุ จากผลการตรวจของ พฐ. และจากการสอบปากคำของพยานตำรวจที่พบศพ 4 คนแรก ให้การสอดคล้องกันว่า ไม่มีร่องรอยการงัดแงะทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน พยานที่มาพบคนแรกเป็นตำรวจเพื่อนสนิทผู้ตาย สามารถเข้าไปในบ้านเนื่องจากโทร.สอบถามรหัสกับภรรยาของ พ.ต.อ.วชิรา เมื่อกดรหัสผ่านเข้าไปภายในบ้านพบร่างของ พ.ต.อ.วชิรา บริเวณห้องนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์เลือดท่วมตัว เพื่อนเดินออกจากบ้านโทรศัพท์แจ้งเหตุ 191 และแจ้งพนักงานสอบสวนให้ทราบเหตุ

ดูกล้องไม่พบมีคนตาม

ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางการเดินทางของ พ.ต.อ.วชิรา จากที่โรงแรมบริเวณเมืองทองธานีมาถึงหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่มีใครติดตามพ.ต.อ.วชิรา ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าบ้านที่เกิดเหตุ หลังจาก พ.ต.อ.วชิราเข้าบ้านไปแล้วไม่มีผู้ใดเข้ามาในบ้าน กระทั่งพยานเพื่อนสนิทมาถึงบ้านพัก ผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯผ่าพิสูจน์พบรอยกระสุนเข้าทางศีรษะด้านขวาทะลุศีรษะด้านซ้าย แนวเฉียงขึ้น บริเวณรอบๆ ศพพบรอยเลือดเป็นแนว

หัวกระสุนอยู่ในโรบอตดูดฝุ่น

ผลการตรวจเขม่าดินปืนโดยใช้เครื่องมือ AAS (Atomic absorption spectroscopy) เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงมีผลแม่นยำเป็นที่ยอมรับสากล พบเขม่าดินปืนที่มือซ้ายและขวา จำลองสถานการณ์ได้ว่า ท่ายิงก่อนเสียชีวิต พ.ต.อ.วชิราน่าจะนั่งชันเข่า จากนั้นถือปืนด้วยมือขวาแล้วจ่อที่ขมับข้างขวาใช้มือซ้ายประคอง เมื่อยิงเสร็จทำให้ตัวผู้ตายหงายหลัง กระสุนทะลุและตกอยู่ที่ด้านซ้ายของผู้ตาย พบหัวกระสุนในเครื่องโรบอตทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ พบเศษเนื้อสมองกระเด็นติดที่ผนังบ้านฝั่งซ้าย ขณะชันสูตรสภาพศพแข็งตัวตั้งแต่ช่วงลำตัวจนสุดด้านล่าง แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วระหว่าง 8-12 ชม.

...

น่าเชื่อเป็นเหตุยิงตัวตาย

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า จากผลดังกล่าวข้างต้นทั้งการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ สอดคล้องตรงกัน น่าเชื่อว่า พ.ต.อ.วชิราใช้ปืนยิงตัวตาย ส่วนประเด็นสาเหตุคงต้องรอผลการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ขณะนี้ตำรวจ ภ.จ.ปทุมธานี มีคำสั่งที่ 242/2566 ลง 11 ก.ย.เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมี พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี เป็นหัวหน้า เพื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคลี่คลายคดีนี้แล้ว ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ไขกุญแจหยิบปืนในลิ้นชัก

พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. กล่าวว่า การตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุบ้านพักของ ผกก.เบิ้มภายในบ้านพักย่านคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานดำเนินการตรวจพิสูจน์ทุกอย่างในประเด็นข้อสงสัย พบว่าช่วงเวลาตี 4 ผกก.เบิ้มปีนรั้วเข้าบ้านและเปิดลิ้นชักเอาปืนออกมา ตรวจพบยังมีกุญแจคาอยู่ สั่งให้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นดีเอ็นเอของ ผกก.เบิ้ม หรือมีดีเอ็นเอของคนอื่นปนเปื้อนหรือไม่ คาดว่าจะทราบภายใน 1-2 วันนี้ ตรงจุดที่พบศพมีรอยกระเซ็นของเลือดไปทางขวามือมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย เป็นลักษณะของการออกของเลือดทางรูเข้า ส่วนทางซ้ายที่เป็นรูออกของกระสุนจะมีปริมาณมากกว่า และมีมันสมองติดอยู่ตรงกำแพงห้อง สอดคล้องตรงกับทิศทางของกระสุนเข้าและออก ส่วน ผกก.เบิ้มสูงมากกว่า 170 ซม. แต่รอยกระเซ็นของเลือดพบต่ำลงมา แสดงว่ากระทำในลักษณะนั่งก้นติดพื้นและชันเข่าขึ้นมา หลังยิงแล้วจะหงายหลังลงไป และรอยเลือดระหว่างก้นถึงขาจะต้องไม่มีเลือด แต่ถ้ามีการลากเลือดจะต้องกระจายทั่วไปหมด

...

คราบวงกลมเป็นโรบอตดูดฝุ่น

พล.ต.ท.อิทธิพลกล่าวอีกว่า จากการเก็บเขม่าดินปืนที่มือด้วยระบบ AAS (Atomic Absorption Spectroscopy) เป็นระบบที่ดีที่สุดของโลกพบเขม่าดินปืนของ ผกก.เบิ้มทั้งสองมือ ลักษณะใช้มือขวาจับ และมือซ้ายประคองในการยิง ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นของ ผกก. 1 คน และลูกน้องรวม 5 คน ทำการตรวจคราบเขม่าแล้วแต่ไม่พบ ส่วนคราบเลือดที่เห็น เป็นวงกลมจากการตรวจสอบพบว่าเป็นโรบอตดูดฝุ่น เป็นโรบอตที่ตั้งเวลาทำงานแบบอัตโนมัติ เมื่อแบตใกล้หมดจะวิ่งกลับมาทำงานที่เดิม เมื่อเปิดที่เก็บผงฝุ่นพบหัวกระสุนปืนและเลือด ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเวลาที่ใช้ก่อเหตุหลังปีนเข้าบ้านประมาณ 4 นาทีนั้นสอดคล้องกับการก่อเหตุหรือไม่ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่ามีความเป็นไปได้ เพราะสามารถใช้เวลาได้เพียง 1-2 นาทีเท่านั้น จากพยานหลักฐานเชื่อว่า ผกก.เบิ้มเตรียมการที่จะปลิดชีพตัวเองไว้แล้ว และกระทำไปอย่างมีสติ เพราะคงเครียดมาก พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่ามีคนอื่นร่วมอยู่ด้วยในวันเกิดเหตุ

ครอบครัวรับศพ ผกก.เบิ้ม

ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ห้องนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมครอบครัวของ พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผกก.เบิ้ม ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ผู้เสียชีวิตติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด และเสียใจต้องเสียลูกน้องฝีมือดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกไปที่เกิดเหตุที่ จ.นครปฐม พูดคุยกับ ผกก.เบิ้ม รู้สึกเสียใจที่ดูแลน้องไม่ได้แล้วพูดอยู่อย่างนี้มาตลอด พยายามให้ผู้บังคับ บัญชา และเพื่อน นรต.รุ่น 55 ดูแล ผกก.เบิ้ม เพราะดูมีความกดดันจากสื่อสังคมออนไลน์ จากเพื่อนฝูงทำนองว่า “เบิ้มเอาน้องไปตายหรือเปล่า”

...

ติงสื่ออย่ามโนเหมารวม

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวอีกว่า ขอตำหนิการนำเสนอภาพของผู้เสียชีวิต อยากให้สื่อมวลชนคำนึงถึงครอบครัวที่เขาสูญเสียด้วย เพราะภาพดังกล่าวเป็นการตอกย้ำครอบครัวของเขาและลูกของเบิ้มยังเล็ก อายุแค่ 8 ขวบ ผกก.เบิ้มมันไม่ใช่ตำรวจที่เลว แต่สังคมกลับไปพิพากษาเขา ถามว่าเบิ้มมันยิงใครหรือเปล่า แล้วเบี่ยงประเด็นไปไหนหรือเปล่า ตำรวจที่ไหนผิดก็ว่ากันไปเป็นช็อตๆ พ.ต.ต.ศิวกรเป็นคนดีถูกคนร้ายยิง ตำรวจต้องไปหาสาเหตุที่ตัวคนร้าย แต่สังคมมาโฟกัสที่ตำรวจ ผิดว่าไปตามผิดตามพยานหลักฐาน แต่อย่ามโนกันไปก่อน เมื่อวานนี้มีคนพูดหลายประเด็นเป็นฉากๆ พูดไปทำตำรวจกลายเป็นจำเลยสังคม คดีนี้พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ต้องว่าไปตามหลักฐานดีกว่าอย่าเพิ่งมโนคิดไปเอง

ถูกฝึกมาเยอะเป็นกลุ่มนักรบ

“ในกลุ่มไลน์นักเรียนร่วมรุ่นกดดัน ผกก.เบิ้ม ทำไมไม่ดูแลน้อง สิ่งนี้มันทำให้เบิ้มเครียดมากจนถึงกับเปรยว่า อยากจะบวชให้น้อง ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วพาน้องไปตาย ผกก.เบิ้มถูกฝึกมาเยอะเป็นกลุ่มนักรบต้องแสดงความรับผิดชอบและเป็นโรคเครียด ถูกกดดันหลายๆทาง ผมเคยผ่านการถูกกดดันมาหลายรอบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ครองสติเราได้ คือ ครูบาอาจารย์ที่สอน ผมถึงต้องเอาน้องๆตำรวจไปปฏิบัติธรรม เพราะเวลาเกิดวิกฤติในชีวิตสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราครองสติได้ ถ้าเรามีสติจะมีปัญญาในการแก้ไขสถานการณ์ แต่ถ้าขาดสติเราจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าว

เคลียร์ประเด็นโทรศัพท์มือถือ

ส่วนประเด็นโทรศัพท์ของ ผกก.เบิ้ม รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. เก็บโทรศัพท์ไม่อยากให้ ผกก.เบิ้มมานั่งอ่าน เพราะข้อความเข้ามามากทำให้เกิดความเครียด พล.ต.ต.จรูญเกียรติขอเก็บไม่อยากให้มานั่งอ่าน มี “ผกก.บอย” เพื่อนรักของ ผกก.เบิ้มพาส่งเข้าโรงแรม ก่อนแท็กซี่จะรับมาส่งกลับบ้าน ไทม์ไลน์ของกล้องที่อยู่หน้าบ้านเห็นตอน ผกก.เบิ้มปีน เวลาก็ตรงกันเวลากันกับกระสุน 1 นัด มันก็ชัดเจน แต่มีการกล่าวหาว่าเป็นการสร้างภาพ จัดฉาก มันเป็นไปไม่ได้ ทั้งโทรศัพท์และกล้องวงจรปิด คนที่คิดแบบนี้ไม่มีความรู้เรื่องการสืบสวนสอบสวน ทำให้ชุดพนักงานสอบสวนเสียหาย ครอบครัวของ ผกก.เบิ้มไม่ติดใจ พวกเราอยู่กันแบบครอบครัวตายแทนกันได้ เราถูกฝึกกันมาแบบนี้ คนมันเครียดเกิดจากการติดสินใจเพียงเสี้ยววินาที มันเป็นความรู้สึกกดดันของเขาที่ถูกสังคมตราหน้า จากนี้ต้องมีหมอเข้าไปดูแลทั้งตำรวจและครอบครัว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ร่วมงานเลี้ยงตำรวจต้องระวังตัว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวอีกว่า ไม่มีหรอกเรื่องอิทธิพล มันเป็นเรื่องของความเกรงใจ ถ้าตำรวจไปอยู่ ภายในพื้นที่ แต่ตอนนี้เรามีส่วนกลางตั้งหลายหน่วย ไม่จำเป็นจะต้องไปพึ่งพานักการเมืองท้องถิ่น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมที่จะปราบปรามผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดมีซุ้มไม่เหมือนกัน มีบ้านเล็ก บ้านใหญ่ของนักการเมืองท้องถิ่น การไปร่วมงานเลี้ยงตำรวจต้องระวังตัว ต้องตรวจสอบก่อนสำรวจก่อนว่าใครเป็นใคร ถ้าไม่มีเรื่องไม่เป็นไร แต่พอมีเรื่องขึ้นมาก็เดือดร้อน ทำให้หลายครั้งต้องเลี่ยง และปฏิเสธไม่ไปร่วมงาน

เตรียมเคลื่อนศพไป จ.อุตรดิตถ์

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร กำหนดพิธีรดน้ำศพ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ มีผู้บังคับบัญชาตำรวจระดับสูงและเพื่อนนายตำรวจจำนวนมาก รวมถึงญาติและครอบครัวมาร่วมงานท่ามกลางความโศกเศร้า โดยเฉพาะภรรยาและ ผกก.บอย เพื่อนสนิทของ ผกก.เบิ้ม ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนี้ กำหนดสวดอภิธรรมศพคืนแรก เวลา 17.00 น. 1 คืน จากนั้น วันที่ 13 ก.ย. จะเคลื่อนย้ายร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อที่วัดใหญ่ท่าเสา ต.ท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์ กำหนดสวดพระอภิธรรม 13-16 ก.ย. เวลา 19.30 น. และในวันที่ 17 ก.ย. เวลา 15.00 น. พิธีฌาปนกิจศพ

เพื่อนยันไม่มีข้อความสั่งลา

ด้าน พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1.บก.ทท.1 เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนของ ผกก.เบิ้ม เปิดเผยว่า เบิ้มเป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนตลอด มีความเป็นผู้นำด้วยจิตและวิญญาณของการเป็นตำรวจ เบิ้มเป็นคนรักพี่รักน้อง รักครอบครัว ก่อนเกิดเหตุเบิ้มเคยโทร.มาปรึกษากับเพื่อนๆบอกว่าเครียด และมีน้ำเสียงสั่นเครือ ร้องไห้ รู้สึกผิดที่พาสารวัตรศิวไปเสียชีวิต โทษตัวเอง รู้สึกเสียใจมาก เพื่อนๆพยายามให้กำลังใจ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิด ยืนยันไม่มีข้อความสั่งลาตามที่ปรากฏในสื่อ เบิ้มออกจากกลุ่มไลน์ไปเอง โดยไม่ได้บอกเหตุผลใดๆ เพื่อนทุกคนต่างเสียใจ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และขอให้ดวงวิญญาณเบิ้มไปสู่สุคติ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าในไลน์กลุ่มมีการพูดกดดันเบิ้มนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพื่อนๆ มีแต่ให้กำลังใจ เป็นเรื่องของสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวไปกันเอง

รอเปิดหลักฐานเซิร์ฟเวอร์

สำหรับความคืบหน้าของคดีกำนันนก เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 11 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่ บช.ภ.7 เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีกำนันนก เรียกชุดสืบสวนและคณะ ทำงานมาประชุมร่วมกัน ภายหลังประชุมเสร็จเปิดเผยว่า คณะชุดสืบสวนสอบสวนนำหลักฐานต่างๆ จากเดิมมีพลเรือน 10 คน ตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพิ่มมาอีก 17 คน รวมเป็น 27 คน และมีตำรวจจากเดิม 26 นาย พบเพิ่มมาอีก 2 นาย รวม 28 นาย ส่วนเรื่องการเปิดเซิร์ฟเวอร์นั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสามารถเก็บให้คงสภาพขณะที่เอาไปทิ้งน้ำ ฉะนั้นในส่วนของเรื่องคดีการมัดตัวดำเนินคดีกับกำนันไม่มีปัญหาที่น่าหนักใจ

ตรวจความเชื่อมโยงธุรกิจรับเหมา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญต้องไล่ความเชื่อมโยงของกำนันทั้งเรื่องธุรกิจการรับเหมาก่อสร้าง การทำธุรกิจออนไลน์จะต้องหาความจริง หากพบความผิดจะดำเนินการมาตรการยึดทรัพย์ ตรวจสอบภาษี ความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากรและยึดทรัพย์ร่วมกับสำนักงานการปราบปรามการฟอกเงิน ตอนนี้พบว่าตำรวจทั้งหมด 28 นาย ส่วนพลเรือนอาจมีเพิ่มขึ้น พนักงานสอบปากคำพยานให้ครบและรอการเปิดเซิร์ฟเวอร์จะทราบอย่างชัดเจนว่าใครทำอะไร จากนั้นจะแจ้งข้อหา ตอนนี้ตำรวจยังให้ปากคำที่ไม่เป็นความจริง แต่ชุดพนักงานสอบสวนจากกองปราบปรามจะหาความจริงเอง

จ่อออกหมายจับเพิ่มเติม

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ขณะนี้รับแจ้งว่าเลขานุการนายก อบจ.นครปฐม เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ เพราะเป็น 1 ในผู้ที่มาร่วมงานบ้านกำนันนก และรับบางข้อเท็จจริงว่ามาร่วมงาน สำหรับเรื่องของ อบจ.นครปฐม ที่กำนันนกเข้ารับงานนั้น ต้องดูเอกสารควบคู่กันและประสานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรมบัญชีกลางร่วมตรวจสอบ วันนี้จะไม่เกรงใจใครจะทำความจริงให้ปรากฏ นายกรัฐมนตรีให้ความเป็นห่วงเน้นการปราบปรามอิทธิพลในทุกพื้นที่ คดีทุกคดีนั้นเชิญพยานมาสอบปากคำถ้าให้การเท็จต้องถูกดำเนินคดี หลังจากนี้จะขอหมายจับเพิ่มแน่นอน แต่ต้องรอพยานหลักฐาน แต่ขอให้ตำรวจทำงานก่อนจะไล่ทุกประเด็นที่สังคม มีประเด็นสงสัยเรื่องส่วยสติกเกอร์ด้วย

ตำรวจหย่อนยานให้มาเฟียคุม

“สำหรับ พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จ.นครปฐม และ พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม มีคำสั่งถูกย้ายไปประจำ ศปก.ภ.7 ถือเป็นการหย่อนยานปล่อยให้กลุ่มมาเฟียและผู้มีอิทธิพล มาทำเรื่องให้เกิดความเสียหาย กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้เรียกว่าผู้มีอิทธิพล แม้กระทั่งปืนยังหาซื้อมาใช้ไม่ได้ ยังต้องให้ตำรวจซื้อปืนมาให้ใช้ แต่ตำรวจกลับไปรับใช้เอง ถ้าหากไม่ทำตัวเป็นไม้ค้ำยันให้กลุ่มเหล่านี้คงไม่มีเรื่องเสียหายเกิดขึ้น” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ตำหนิผู้บังคับบัญชาไม่ช่วยลูกน้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การสอบสวนที่ผ่านมาหลายวัน ตำรวจทุกนายยังไม่ได้ให้การตามความเป็นจริงเห็นว่า วันนี้ตำรวจต้องรักตำรวจ การที่ลูกน้องถูกยิงตาย แต่ผู้บังคับบัญชากลับไม่ให้การตามความจริง มิหนำซ้ำยังปกป้องช่วยเหลือคนร้ายอีกแบบนี้แย่เต็มที ตนดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับคนร้ายที่ฆ่าตำรวจและคนที่ใช้ให้ยิงตำรวจ ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุควรต้องมีจิตสำนึก และให้การที่เป็นประโยชน์โดยที่ไม่ต้องให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนต้องทำงานเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะความจริงมีหนึ่งเดียว ผลออกมาก็จะรู้ ส่วนใครจะเครียดหรือไม่เครียดเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องลงไปดูแล มีโรงพยาบาลตำรวจ มีนิติจิตเวชคอยดูแลอยู่แล้ว วันนี้ตำรวจตายไป 1 ยิงตัวตายไปอีก 1 ถามว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร เพราะมันเกิดจากตำรวจไปเป็นไม้ค้ำยันให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ นอกจากไม่ช่วยตำรวจยังพาคนร้ายหลบหนีแบบนี้ถือว่ารับไม่ได้

เสียใจสูญเสีย “ผกก.เบิ้ม”

เมื่อถามถึงสัญญาณมือถือของ ผกก.เบิ้ม ที่ไปอยู่แถวบางนาได้อย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนปลอกกระสุนอยู่ในตัวโรบอตทำความสะอาดจะต้องตรวจพิสูจน์รวมถึงการตั้งเวลาของตัวโรบอตต้องตรวจสอบกับทางบริษัทเจ้าของโรบอตดังกล่าว ตรวจพิสูจน์ถึงร่องรอยการยิง ท่าทางการยิง วันนี้คงได้การรายงานจากทางนิติเวชทั้งหมด ส่วนตัวมองว่า ผกก.เบิ้มอาจมีความเครียด เพราะจากการที่สอบปากคำของพนักงานสอบสวนเขามีอาการเครียด ชุดสืบสวนกำลังไล่ประเด็นข้อพิรุธสงสัยต่างๆทั้งหมด ว่ามือถือไปอยู่ที่บางนาได้อย่างไร ส่วนการเสียชีวิตของ ผกก.เบิ้มไม่มีใครที่ได้ประโยชน์ มีแต่เรื่องที่ทำให้รู้สึกเศร้าใจ ผกก.เบิ้ม เป็นเพียงหนึ่งในพยานเท่านั้น ตนรู้สึกเสียใจ

คุย “ชาดา”วางแผนปราบมาเฟีย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีความกดดันในการทำคดี มีแค่ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา คดีนี้ต้องเดินหน้าไปจนสิ้นสุด ขยายผลไปถึงกิ่งก้านสาขาของกำนันนก ตรวจสอบว่ามีธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ มีการฮั้วประมูลหรือไม่ เสียภาษีอากรถูกต้องหรือไม่ เพื่อนำไปสู่เรื่องการฟอกเงินและยึดทรัพย์ ไม่ได้หยุดแค่เรื่องการยิงพ.ต.ต.ศิวกรเท่านั้น ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินทราบแล้วว่า มีการโอนเงินไปให้ใครบ้าง แต่เป็นรายละเอียดอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ จากนี้ไปจะเดินหน้าทำคดีให้เสร็จสิ้น และขอยืนยันว่าผู้ต้องหาที่จับกุมได้คือกำนันนกตัวจริง ไม่ใช่มีการสวมตัวตามที่ในสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กัน เชื่อว่าประชาชนในพื้นที่รู้อยู่แล้วว่ากำนันนกทำอะไรอยู่ แต่ไม่มีใครอยากไปยุ่ง เมื่อวานได้โทรศัพท์กับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย วางเป้าหมายทำงานร่วมกับท่าน เพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพลต่อไป

พบเส้นทางโอนเงินให้ 5 ตำรวจ

มีรายงานด้วยว่า ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกำนันนกและนายหน่องมือปืนที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ พบว่า 5 ใน 6 นายตำรวจที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้มีเส้นทางการเงินที่สัมพันธ์กัน นายหน่องโอนไปยังนายตำรวจ 5 นายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องครั้งละหลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท สอดคล้องกับแนวทางสืบสวนของกองปราบปรามหลังพบว่า นายหน่องจะทำหน้าที่ถือเงินแทนกำนันนก เพื่อใช้จ่ายแทนกำนันนกหรือจ่ายเงินตามที่กำนันนกสั่งการ ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่ากำนันนกมีส่วนพัวพันกับแก๊งพนันออนไลน์นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

คนมาร่วมงานเลี้ยงรวม 55 คน

ที่ห้องวงษ์ปิ่น สำนักงานตำรวจภาค 7 อ.เมืองนครปฐม พนักงานสอบสวนจาก บก.ป. และคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำประกอบด้วย รปภ.ที่เฝ้าหน้าประตูบ้าน, พ่อนักดนตรี, นักดนตรีและพ่อครัวโต๊ะจีน ต่างให้การสอดคล้องคล้ายกันในลักษณะว่า ทุกคนที่อยู่ในบ้านของกำนันนก แต่ละคนขณะนั้นต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ นักดนตรีกำลังเก็บอุปกรณ์ พ่อครัวอยู่ในครัว แต่ทุกคนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 4-5 นัด แต่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ทั้งหมดเป็นพยานแวดล้อมมาให้ข้อมูล การสืบสวนจนถึงขณะนี้สามารถรวบรวมรายชื่อบุคคลที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วประมาณ 55 คน ประกอบด้วย ตำรวจ ลูกน้องกำนันนก และผู้มาร่วมงาน พนักงานสอบสวนต้องเรียกตัวทั้งหมดมาสอบปากคำให้ครบถ้วน 1 ในผู้อยู่ในเหตุการณ์ เป็นคนจากร้านจัดโต๊ะจีน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4-5 นัด แต่ไม่ได้ออกมาดูเพราะตกใจกลัว ย้ำไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากปฏิบัติงานอยู่ในครัว

เผาศพ “หน่อง” เงียบเหงา

ที่เมรุวัดหนองกบ ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ครอบครัวของนายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก มือปืนยิงสารวัตรศิว ภายหลังชุดสืบสวนวิสามัญฆาตกรรม ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่ายมีแต่ญาติมาร่วมงาน ผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์กับคนในครอบครัวนายหน่อง แต่ได้รับการปฏิเสธ ให้เหตุผลว่าไม่สะดวกในการแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ต้องการให้เรื่องราวที่เกิดขึ้น กระทบกับคนในครอบครัวและเครือญาติไปมากกว่านี้

“เศรษฐา” ลั่นไม่ปล่อยผู้มีอิทธิพล

ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีกำนันนก และเหตุ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ยิงตัวเองเสียชีวิตว่า บ่ายวันที่ 11 ก.ย.ได้พบกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และช่วงค่ำพบ ผบ.ตร.อีกครั้ง ผบ.ตร.ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม วันนี้กองพิสูจน์หลักฐานจะมีผลที่สรุปค่อนข้างแน่นอนว่าเกิดจากอะไรในคดีการยิงตัวตายของ พ.ต.อ.วชิรา ตรงนี้ต้องให้ความสนใจ จะมีการแถลงข่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าผลเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่กำกับดูแลคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะให้ความมั่นใจกับข้าราชการตำรวจได้อย่างไร ว่าจะไม่มีอิทธิพลเข้ามาครอบงำ หรือทำให้การทำงานมีปัญหา นาย เศรษฐากล่าวว่า พูดย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ทั้งเรื่องกลุ่มผู้มีอิทธิพลและมาเฟีย เรื่องนี้ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ประชาชนกังวลมาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และจะต้องไม่ยอมรับต่อไป

นายกฯย้ำเจอทุจริตจัดการทันที

นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้คำมั่นว่าจะจัดการอย่างเต็มที่ จะทำทุกอย่างเท่าที่มีอำนาจ จะไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และจะบริหารจัดการอย่างถูกต้องเด็ดขาด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อถามว่าจะดูแลข้าราชการตำรวจอย่างไรตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่างไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพราะเรื่องแบบนี้ถ้าหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก นายกฯกล่าวว่า เข้าใจในความเป็นห่วง แต่ขอนิดนึงเพราะตนเพิ่งจะสั่งการเมื่อวันที่ 11 ก.ย.เป็นวันแรก หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาทำงานทันที เข้าใจว่าตั้งแต่ข้างบนลงมาข้างล่าง ส่วนไหนมีปัญหาต้องบริหารจัดการกันไป รับรองว่าหากเจอเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบจะจัดการทันที

ครอบครัว ผกก.เบิ้มกำลังใจดี

ต่อมาเวลา 18.30 น. ที่วัดตรีทศเทพฯ หลังจากการสวดพระอภิธรรมศพ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. เสร็จสิ้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำร่าง พ.ต.อ.วชิราไปที่วัดใหญ่ท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ เพราะเป็นบ้านเกิดผกก.เบิ้ม ส่วนพ่อและแม่ที่ไม่ได้มาวันนี้เพราะพ่อป่วยเป็นโรคไตต้องฟอกไตทุกวัน และแม่ร่างกายไม่แข็งแรง ส่วนสาเหตุที่ต้องจัดที่กรุงเทพฯ เพราะผู้บังคับบัญชาบางท่านไม่สะดวกไป จ.อุตรดิตถ์ ในส่วนของเงินชดเชยจะได้รับตามสิทธิ์ข้าราชการตำรวจประมาณ 2 ล้านบาท และพูดคุยกับเพื่อน นรต. รุ่น 55 มีกองทุนในการดูแลครอบครัวอีกด้วย เพราะลูกชาย ผกก.เบิ้มเพิ่งอายุ 8 ขวบ หลังจากพูดคุยกันแล้วครอบครัวมีกำลังใจที่ดีแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่ทิ้งกัน ด้านภรรยายังคงเข้มแข็งอยู่เพราะทุกคนเป็นกำลังใจให้

ทุกคนมีทางออกไม่เหมือนกัน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังย้ำถึงการนำเสนอข่าวถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตถึงการสูญเสียซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า อยากให้คำนึงถึงความรู้สึกของครอบครัว และขอบคุณที่คอยติดตามข่าว หลายคนจะเห็นได้ว่ารักผกก.เบิ้มเยอะ ดังนั้น วันนี้ต้องเร่งพิธีรดน้ำให้ไวขึ้น เนื่องจากมีคนรอรดน้ำเยอะมาก กรณีที่มีกระแสสังคมตั้งข้อสงสัยว่านำเรื่องการเสียชีวิตของ ผกก.เบิ้ม มากลบข่าว พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงก์ ที่เสียชีวิตหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยืนยันว่า ไม่ใช่การกลบข่าว เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ด้าน ผกก.เบิ้ม มีอาการเครียดหลายอย่าง มีความรู้สึกผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ได้ เพราะทุกคนมีทางออกไม่เหมือนกัน

ติงชาวเน็ตอย่าด่วนตัดสินก่อนศาล

เมื่อถามว่าในวันที่สอบปากคำมีการกดดันอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เผยว่าเรื่องนี้ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องการสอบสวน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากมีอะไรก็พูดไปตามความจริงตามสถานที่เกิดเหตุ เพราะสุดท้ายแล้วหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และตัวเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดถูกเปิดเผยออกมาก็จะเห็นเอง และมองว่าการพูดความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อถามว่า คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เผยว่า ได้คุยกับแพทย์แล้วในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดหรือแม้ในส่วนของตำรวจทั้ง 6 นาย ที่ถูกจับกุมก็มีอาการเครียด ครอบครัวก็เครียด พร้อมตั้งคำถามว่าสังคมกำลังบีบพวกเขาหรือไม่ เพราะลูกของคนเหล่านั้นยังต้องไปเรียนครอบครัวจะรู้สึกอย่างไร ต้องระมัดระวังเรื่องโซเชียล ศาลยังไม่ได้ตัดสิน แต่สังคมกลับตัดสินไปแล้ว อยากฝากไว้ในเรื่องของโซเชียล พวกเขายังไม่มีความผิดจนกว่าศาลจะตัดสิน อยากให้ระมัดระวัง เพราะสภาพจิตใจของ แต่ละคนไม่เท่ากัน แพทย์ให้คำแนะนำว่าจะต้องให้ปรึกษาด้านจิตเวชด้วย ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นงานสวดพระอภิธรรมมีกลุ่มข้าราชการตำรวจในหลายสังกัด พร้อมแม่บ้านตำรวจสอบสวนกลางรวมถึงเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 55 มอบเงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต 1 แสนบาท