ชาวสวนผักชีที่ ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ชอกช้ำน้ำตาตก ต้องรีบเก็บผักขายยอมขาดทุนเพราะกลัวฝนตกผักชีจะเสียหาย อีกทั้งผักชีไทยราคาตกต่ำ เผยเพราะผักจีนทะลักเข้าไทย ในระยะยาวเกษตรกรไทยจะอยู่ไม่ได้ วอนรัฐคุมและหยุดการนำเข้าผักจากจีน
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บริเวณหมู่ที่ 12 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังเกษตรกรต้องเร่งรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตผักชีไทย เพื่อส่งขายกับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับหน้าสวน แล้วนำส่งต่อตลาดค้าส่งในจังหวัด ในราคาที่ตกต่ำสุดกว่าทุกปี และให้ทันก่อนที่ฝนจะตกจนทำให้ผลผลิตเสียหายไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้
นายพิเชษฐ์ หรือ ลุงเปี๊ยก อายุ 66 ปี เกษตรกรผู้ปลูกผักกินใบในพื้นที่กล่าวว่า ตนลงทุนปลูกผักชี 5 ไร่ หวังเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายช่วงนี้ เพราะในช่วงฤดูฝนผักชีถือเป็นอีกชนิดที่ได้ราคาดี แต่ช่วงต้นฤดูฝนในปีนี้ผักกินใบเกิดราคาตกต่ำถึงที่สุด ยิ่งราคารับซื้อหน้าสวนไม่ถึง 20 บาท/กก. ถือว่าดิ่งลงเหว ทำเกษตรกรที่ปลูกผักกินใบเกือบทุกชนิด ต้องยอมขายชนิดเรียกได้ว่า "ขาดทุน" โดยผักกินใบเกือบทุกชนิดมีแนวโน้มตกต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะต้องทนแบกรับภาวะขาดทุน ยิ่งต้นทุนค่าแรง, ค่าปุ๋ย และค่ายา มีราคาสูงทำให้เกษตรกรหลายคนลำบาก
...
ลุงเปี๊ยก บอกต่อว่า หนึ่งในสาเหตุราคาตกต่ำคาดว่า เกิดจากการนำเข้าผักจากประเทศจีน ส่งผลให้ราคาผักกินใบและผักอีกหลายชนิดของเกษตรกรไทย ได้รับผลกระทบมีราคาตกต่ำ เพราะจีนมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า เกษตรกรบางรายต้องขายขาดทุน หรือบางรายต้องปล่อยทิ้งให้เน่าคาสวน "ซึ่งการนำเข้าผักจากประเทศจีน อนาคตอาจทำให้เกษตรกรแย่ลงในระยะยาวและเลิกทำอาชีพเกษตรกรกันหมด เพราะทำไปก็ไม่ได้อะไรต้องมาทนแบกรับราคาต้นทุนให้ตัวเกษตรกรตายเอง"
"บางวันพ่อค้าคนกลางรับซื้อผักชีในช่วงนี้ไม่ถึง 20 บาท/กก. เฉพาะค่าแรง 12 บาท/กก. เหลือ 8 บาท ต้องมาหักค่าปุ๋ยและค่ายา แล้วเกษตรกรเหลืออะไร สู้เลิกทำไม่ดีกว่าหรือ อยากให้ภาครัฐช่วยหยุดการนำเข้าผักจากจีน และแก้ปัญหาลดต้นทุน เช่น ค่าปุ๋ยและค่ายา ก่อนประเทศไทยจะไม่มีเกษตรกรปลูกผักให้คุณกิน" ลุงเปี๊ยก กล่าว.