“ระยะนี้ข้าวนาปีในหลายพื้นที่อยู่ในระยะแตกกอ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีหมั่นสำรวจแปลงปลูกสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังเพลี้ยจักจั่นสีเขียวจะอพยพเข้าแปลง หลังข้าวขึ้นเป็นต้นกล้า”
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เตือนว่า การระบาดจะมีมากที่สุดในช่วงที่ข้าวมีการเจริญทางลำต้นและใบ
โดยเพลี้ยจักจั่นสีเขียวเพศเมียจะมาวางไข่ในกาบใบข้าว วางไข่เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 8-16 ฟอง เพลี้ยจักจั่นสีเขียวจะอยู่ระยะไข่ 5-8 วัน ระยะตัวอ่อน 10-15 วัน และระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 10 วัน
...
“ส่วนพฤติกรรมในการเข้าทำลายต้นข้าว เพลี้ยจักจั่นสีเขียวทั้งระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้นข้าว สังเกตได้จากลักษณะต้นข้าวเริ่มชะงักการเจริญเติบโตและเหี่ยวแห้ง และอาจทำให้ต้นข้าวตายได้ ถ้าเพลี้ยจักจั่นสีเขียวมีปริมาณมาก”
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บอกอีกว่า เพลี้ยจักจั่นสีเขียวยังเป็นพาหะนำโรคใบสีส้มสู่ต้นข้าวด้วย ทำให้ต้นข้าวแคระแกร็น ใบเหลืองข้าวออกรวงไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผลผลิตมีโอกาสเสียหายและได้ปริมาณลดลง
สำหรับแนวทางป้องกันกำจัดเพลี้ยจักจั่นสีเขียวในนาข้าว นายเข้มแข็ง แนะนำ นอกจากหมั่นสำรวจแปลงนาเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งแล้ว การปลูกข้าวพันธุ์ต้านทานเพลี้ยจักจั่นสีเขียว เช่น สุพรรณบุรี 60, สุพรรณบุรี 90, พิษณุโลก 2 เป็นต้น จะช่วยลดโอกาสที่นาข้าวจะถูกศัตรูพืชเข้ามาทำลาย สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตด้วย
สำหรับการใช้กับดักแสงไฟล่อตัวเต็มวัยมาทำลาย หรือการใช้ชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราบิวเวอเรีย อัตรา 250 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรืออัตรา 1 กก./น้ำ 60–80 ลิตร ฉีดพ่นแปลงปลูกข้าวในบริเวณที่พบเพลี้ยจักจั่นสีเขียวในช่วงเวลาเย็น จะช่วยกำจัดศัตรูพืชได้อย่างปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม หากเกิดการระบาด ควรใช้สารป้องกันกำจัดแมลงตามคำแนะนำของกรมการข้าว ได้แก่ บูโพรเฟซิน หรือ ไดโนทีฟูแรน หรือ อีโทเฟนพรอกซ์.
ชาติชาย ศิริพัฒน์