ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ขอโทษคนไข้ พร้อมปรับปรุงแก้ไข กรณีเภสัชกรจ่ายยาผิด ให้แชมพูแทนยาแก้ไอ คนไข้กลับบ้านไปจิบลงคอ ฟองเต็มปาก บ้วนทิ้งแทบไม่ทัน

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพซองใส่ยาของ รพ. ระบุชื่อผู้ป่วย และมีข้อความหน้าซองว่า “ยาแก้ไอมะขามป้อม จิบเวลาไอ” แต่ขวดที่อยู่ในซองยาระบุข้อความภาษาอังกฤษว่า TAR CHAMPOO และมีตัวหนังสือสีแดงเขียนว่า ยาใช้ภายนอกห้ามรับประทาน

พร้อมระบุข้อความว่า

“เดี๋ยวนี้บุคคลากรในโรงพยาบาลเขาทำงานกันแบบนี้หรือ จ่ายยาให้คนป่วย หน้าซองยา #ยาแก้ไอมะขามป้อม#ในซองยาเป็นแชมพู ให้ระวังการใช้ยากันด้วย ไม่ใช่แต่ซองยาบอกว่าเป็นยาแก้ไอที่ใส่มาให้อาจจะไม่ได้รักษาเราก็ได้#ทำไมตอนจ่ายยาไม่ดูยาก่อนให้คนป่วย #ใช่ยาของผู้ป่วยรึไม่#เภสัชจ่ายยาจากหน้าซองไม่รู้เลยว่ามันคือแชมพู”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปได้ ปรากฏว่าได้มีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยพากันตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ห้องจ่ายยา เช่น “สติต้องมาแล้วค่ะ อันตรายมากถ้าคนไข้ไม่ทันสังเกต #ความรอบคอบ, เอาให้ดัง นึกถึงคนเฒ่าคนแก่ที่อ่านหนังสือไม่ออก, ยังไงก็ไม่ควรผิดขนาดนี้, แย่เลยคนที่ไม่รู้ไม่กินแชมพูเข้าไป” 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ ทำให้ทราบชื่อคือ พระคมสันต์ จารีย์กุล อายุ 39 ปี โดยผู้โพสต์ระบุว่า ผู้ป่วยที่ไปรับยามาจากโรงพยาบาล คือ นางสคราญ ปั้นโฉม อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ถ.บูรกรรมโกวิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งปกติผู้เป็นแม่จะไปโรงพยาบาลเพื่อรับยาแก้ไอมารับประทานตลอด แต่ครั้งนี้กลับได้แชมพูมารับประทานแทนยาแก้ไอ โชคดีที่ผู้เป็นแม่ทานไปแค่ช้อนเดียวแล้วสงสัยในรสชาติจึงบ้วนทิ้ง 

...

และที่ตนเองโพสต์เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้น พร้อมกันนี้ผู้โพสต์ได้นำตัวอย่าง ขวดยาแก้ไอ และขวดแชมพูสระผม มาเปรียบเทียบให้กับทางผู้สื่อข่าวดู พร้อมทั้งมีการเทน้ำยาทั้ง 2 ชนิดลงในถ้วยเพื่อทำการเปรียบเทียบ 

ซึ่งในเวลาต่อมา ด้านนายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ได้เดินทางมาพบกับผู้ป่วยที่บ้าน พร้อมทั้งได้นำยาแก้ไอมาเปลี่ยนให้ และอธิบายวิธีใช้ยาแก้ไอ พร้อมทั้งขอโทษผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยอีกด้วย 

ด้าน นางสคราญ ปั้นโฉม อายุ 66 ปี ผู้ป่วย เล่าว่า ตนเองไปโรงพยาบาลเพราะ ตนเองเป็นหืดหอบเรื้อรัง หมอนัด เคยผ่าตัดลิ้นหัวใจตีบ นัด 3 เดือนบ้าง 4 เดือนบ้าง ตนมาดูก็เห็นว่าเป็นยาใช้ภายนอก ให้หลานดูก็บอกเป็นยาแชมพู ตนเองต้องใช้น้ำบ้วนปากเป็นกระแป๋ง ฟองเยอะมาก ตอนทานยาเห็นว่าฝายาสีแปลกไปก็นึกว่าเขาเปลี่ยนฝาแบบใหม่ ที่ทานเพราะความเคยชินจากยาที่รับมาไม่เคยผิดพลาด ปกติหมอจะให้ยาแก้ไอมะขามป้อมมารับทาน แต่ครั้งนี้เขาจ่ายยาที่เขียนหน้าซองว่า ยามะขามป้อม แต่ฉลากในขวดไม่ได้อ่าน เลยทานเข้าไป 

“พอน้ำยาลงคอก็รู้สึกว่ายามีรสชาติขม ออกร้อน จึงบ้วนทิ้ง ในใบจ่ายยาก็ระบุเป็นยาแก้ไอ ซึ่งตนเองก็รับกลับมาบ้านเป็นประจำ”

ด้านพระคมสันต์ จารีย์กุล เปิดเผยว่า เราต้องดูที่ตั้งแต่คนจัดยาน่าจะเป็นเภสัช หรือ เจ้าหน้าที่จัดยา น่าจะตรวจดูให้ดีก่อน ตอนผู้ป่วยไปรับยา เภสัชจะต้องบอก แต่อันนี้ เภสัชจ่ายยามาให้แต่ไม่ได้บอก ส่วนผู้ป่วยก็ด้วยความเชื่อใจจึงทานเข้าไป ตนเองที่โพสต์เพราะเป็นห่วงทั้งแม่ทั้งส่วนรวม อยากให้เป็นอุทาหรณ์ คือถ้ามีผู้ป่วยเกิดได้ยาที่กินไปแล้วมันไม่ถูก โรงพยาบาลจะรับผิดชอบไหวมั้ย ตนเองเป็นพระไม่อยากจะเอาเรื่อง แต่อยากให้ทางโรงพยาบาลรอบคอบกว่านี้

ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองได้รับรายงานว่ามีการจ่ายยาสลับกัน ตนจึงมาตรวจดู ยอมรับว่ายาน้ำมีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงมีการสลับขวดกัน รวมทั้งคนไข้ที่มาโรงพยาบาลมีจำนวนเยอะ  ซึ่งตอนนี้ทางเภสัชกรได้ทราบแล้ว จะไปทำการแยกประเภท ขวดสี ลักษณะสี โดยปกติ ยาทั่วไปจะมีสติกเกอร์ยาอยู่แล้ว ซึ่งตนจะได้เข้มงวดในการแปะสติกเกอร์ยา การแยกตู้ยาออกจากประเภทยาออกจากกัน ทางโรงพยาบาลขอขอบคุณทุกท่าน พร้อมจะปรับปรุงแก้ไข.