กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวง ทส.สั่ง ยกระดับการสำรวจและป้องกัน “วาฬบรูด้า” สูญพันธุ์ และสัตว์ทะเลหายาก เพื่อให้เป็นทรัพยากรอันล้ำค่า คู่ประเทศไทย
วันที่ 21 พ.ค. จากกรณี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ทะเลหายากในน่านน้ำไทย เนื่องจากเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่าสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศท้องทะเล และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น พร้อมทั้งช่วยยกระดับการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
ในการนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการสำรวจสัตว์ทะเลหายากทั้งทางเรือ ทางอากาศ และนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจ โดยพบสัตว์ทะเลหายากในน่านน้ำไทย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ โลมาและวาฬ 27 ชนิด พะยูน 1 ชนิด และเต่าทะเล 5 ชนิด
ทั้งนี้ ในบริเวณชายฝั่งทะเล จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ พบสัตว์ทะเลหายาก จำนวน 7 ชนิด ได้แก่ วาฬบรูด้า โลมาอิรวดี โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก เต่าตนุ เต่ากระ และฉลามวาฬ จากการสำรวจเชิงลึกพบว่า "โลมาอิรวดี" จะพบในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม "โลมาหัวบาตรหลังเรียบ" จะพบมากในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ "ปลาฉลามวาฬ" จะพบบ่อยในพื้นที่เกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
...
ในส่วนของ "วาฬบรูด้า" นั้น เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากชนิดที่พบแพร่กระจายตลอดแนวชายฝั่งของอ่าวไทย โดยจะพบบ่อยในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เเละเพชรบุรี
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) กล่าวหลังจากนำสื่อมวลชนลงพื้นที่วันนี้ (วันที่ 19 พฤษภาคม 2566) ณ ชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาคร ว่า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนั้นเป็นมรดกทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้ โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หากไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการนิยมล่องเรือดู "วาฬบรูด้า" จำนวนมากในบริเวณ "อ่าวไทยตัว ก" ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกับ "วาฬบรูด้า" เนื่องจากวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบการถูกรบกวน แต่จากการที่มีเรือนำเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมเป็นประจำทุกวัน ทำให้วาฬเกิดความคุ้นเคย หลายครั้งพบว่าเรือนำเที่ยวเข้าไปในระยะที่ใกล้ จนอาจเป็นอันตราย หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบและรบกวนพฤติกรรมของวาฬในธรรมชาติ หากไม่รีบยับยั้งการกระทำแบบนี้ ในอนาคตวาฬบรูด้าในประเทศไทยอาจจะสูญพันธุ์
โดยที่ผ่านมากรม ทช. ได้ดำเนินการศึกษารวบรวมข้อมูลสถานการณ์สภาพปัญหาและผลกระทบจากการท่องเที่ยวชมวาฬบรูด้า พร้อมทั้งยื่นเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เพื่อให้ออกเป็นประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองวาฬบรูด้าจากกิจกรรมท่องเที่ยว พ.ศ. ….. ต่อไป
นางสุมนา ขจรวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการสำรวจสัตว์ทะเลหายาก ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และติดตามการรายงานจากสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มจำนวนประชากร และจัดทำฐานข้อมูลสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย เพื่อเป็นการยกระดับความสำคัญของสัตว์ทะเลหายากบางชนิดให้เป็นสัตว์สงวนและสัตว์คุ้มครอง รวมถึงดำเนินการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น เพื่อรักษาฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ทะเลหายาก ก่อนปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ตลอดจนการชันสูตรสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเพื่อหาสาเหตุ และแนวทางป้องกันเพื่อลดการสูญเสีย พร้อมทั้งดำเนินการสร้างเครือข่าย และอบรมเครือข่ายในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเบื้องต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นและลดอัตราการเสียชีวิตได้ โดยปัจจุบันได้มีการดำเนินงานศึกษาวิจัย อาทิ การศึกษาด้านพันธุศาสตร์ การสะสมโลหะหนักในสัตว์ทะเลหายาก ผลกระทบขยะทะเลต่อสัตว์ทะเลหายาก และการติดตามการเดินทางของสัตว์ทะเลหายาก เป็นต้น
โดยการดำเนินงานทั้งหมดนั้น ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่พี่น้องประชาชน ในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก รวมไปถึงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้คงอยู่ในระบบนิเวศอย่างสมดุล และยั่งยืนสืบไป
...
"ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้สนับสนุนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้คงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นมรดกของประเทศไทย ในโอกาสนี้ รรท.อทช. ฝากถึงพี่น้องประชาชนในเรื่องของการท่องเที่ยวทะเลหรือเที่ยวชมวาฬบรูด้า ว่า "ควรเก็บภาพเป็นความทรงจำ มิใช่เก็บเอาทรัพยากรทางทะเล" พร้อมทั้งขอให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว
ให้คำนึงถึงธรรมชาติเป็นหลัก รักเสมือนคนในครอบครัว และช่วยปฏิบัติตามข้อระเบียบกรมฯ อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ นายอภิชัย กล่าวทิ้งท้าย.