หากใครอยากหลบความวุ่นวายของเมือง ไปสัมผัสความสงบชีวิตแบบชนบท ขอแนะนำ "ปลายนาตากับยาย" โฮมสเตย์ของครอบครัวเล็กๆ ที่อุทัยธานี ได้นอนในนาข้าว เก็บผักสวนครัว กินข้าวกลางทุ่งนาข้าวที่กำลังออกรวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากใครกำลังมองหาจุดหมายใหม่สำหรับการเดินทางพักผ่อน โดยต้องการความสงบสัมผัสชีวิตแบบชนบท ขอแนะนำโฮมสเตย์ "ปลายนาตากับยาย" ตั้งอยู่ หมู่ที่ 7 บ้านบางกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โฮมสเตย์แห่งนี้ นายโสพล โอทาตะ หรือ พี่โส และพ่อกับแม่และครอบครัว ช่วยกันทำผืนนาจำนวน 3 ไร่แห่งนี้ให้เป็นที่พักมีกระท่อมอยู่กลางทุ่ง โดยมีแรงบันดาลใจและแนวคิดแบบคนชนบทว่า "หากมีที่ไว้พักเป็นกระท่อมและที่กางเต็นท์นอนอยู่กลางทุ่งนาไว้ให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ และเบื่อเมืองหลวงที่มีแต่ตึกให้เป็นที่พักผ่อน และท่องเที่ยวแบบเงียบสงบ นอนฟังเสียงนกและจิ้งหรีดในเวลากลางคืน"
...
พี่โส เจ้าของ "ปลายนาตากับยาย" กล่าวว่า ตัวเองตั้งใจสืบทอดที่แห่งนี้มาจากคุณพ่อและคุณแม่ และข้าวที่ปลูกในนานั้นก็ใช้เก็บเกี่ยวจริงไว้หุงให้ผู้ที่มาพักนั้นได้รับประทานกันแถมยังสร้างที่พักไว้เป็นกระท่อม และมีสะพานไม้ไผ่ล้อมรอบนาไว้ให้เดินถ่ายรูป และชมนาข้าวพันธุ์ กข.57 ที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ต้นข้าวนั้นกำลังออกรวงเขียวทั้งต้น และกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นั่นหมายถึงใกล้ที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว บรรยากาศยามเย็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก มากระทบกับนาข้าวนั้นสวยงามแสงสีเหลืองทองส่องลงมาสวยงามเป็นอย่างมากใครที่มาเยือนต่างก็ต้องชมว่าเป็นการจำลองท้องทุ่งนา ซึ่งเป็นอาชีพของชาวไทยมาตั้งแต่โบราณซึ่งทางครอบครัวนั้นมีความภูมิใจที่ได้สืบต่อมา และอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังนั้นเข้ามาชม อีกทั้งยังสามารถมาเรียนรู้การปลูกข้าวได้ด้วย
นายโสพล กล่าวอีกว่า ที่แห่งนี้ยังปลูกผักสวนครัวไว้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ที่มาพักนั้นเข้าไปเก็บผักสวนครัวพื้นบ้านที่ปลูกไว้หลากหลาย เช่น กะเพรา มะเขือ พริก ผักกาด คะน้า กะหล่ำปลี และอีกหลากหลายซึ่งไม่ใช้ยาหรือปุ๋ยที่เป็นสารเคมีเลย โดยคุณพ่อนั้นเป็นคนปลูกไว้เพื่อไว้ประกอบอาหารให้ผู้ที่มาเที่ยวนั้นมีส่วนร่วมได้เข้าสวนเก็บผักมานำทำเป็นอาหารจริงๆ เรียกว่าอยากกินอะไรก็เก็บมาแล้วบอกกับแม่ครัวว่า อยากให้ทำอะไรให้กินก็บอกกันได้ แถมใครที่จะลองทำสวนครัวก็สามารถไปรดน้ำในสวน ที่มีบ่อน้ำไว้ให้ตักข้างสวนได้อีกด้วย ซึ่งผู้ที่มาเที่ยวนั้นก็ชื่นชอบมาก ก็เพราะได้มีส่วนร่วมการทำสวนและได้เก็บผักสดๆ อีกด้วย
...
อาหารของที่นี่นั้นเป็นอาหารที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเป็นอาหารไทยแท้ เช่น น้ำพริกขี้กา ซึ่งนำพริกหัวหอมนำไปเผาไฟให้หอม จากนั้นนำลงครกตำกับปลาย่างกินกับผักสดในสวนครัวที่ปลูกไว้ ปลาแรดทอดกระเทียม ซึ่งใครที่มาจังหวัดอุทัยธานีก็ต้องไม่พลาดที่จะชิม เพราะว่าเป็นปลาที่เลี้ยงในกระชังที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาประจำจังหวัดอุทัยธานี ที่มีเนื้อแน่นรสชาติหวานอร่อยและไม่คาว สำหรับวิธีการทำปลาทอดกระเทียม โดนเริ่มตั้งแต่แร่เอาเนื้อปลาแรดออกแล้วนำตัวที่ติดกับหัวและก้างของปลาลงไปทอดให้กรอบ จากนั้นก็นำเนื้อปลาที่แร่ไว้พอคำชุบแป้งเพียงเล็กน้อย แล้วก็ทอดลงไปบนน้ำมันที่เดือดจัด เนื้อปลานั้นก็จะสุกกลายเป็นสีเหลืองทองสวยน่ารักประทาน ส่วนการรับประทานกับน้ำจิ้มน้ำพริกน้ำปลา โดยมีมะม่วงเปรี้ยวซอย พริกสดหั่นตามด้วยหัวหอมแดง น้ำปลา มะนาว และเพิ่มความหวานโดยน้ำตาลเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็นำกระเทียมที่ตำแบบหยาบๆ ลงไปทอดแล้วราดบนปลาที่สุกแล้ว
...
นางสมพิศ โอทาตะ แม่ของนายโสพล กล่าวว่า เบื้องหลังของเมนูอาหารพื้นบ้าน ก็มาจากบรรดาแม่ครัวของที่นี่นั้นเป็นลูกหลานและพี่น้อง ที่เวลาใครว่างนั้นก็มาช่วยกันคำอาหารในครัว และได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ โดยมีเมนูที่สืบต่อกันมาที่อยากแนะนำ ก็คือ ผัดหมี่โบราณซึ่งเป็นผัดหมี่ที่ตั้งแต่รุ่นคุณแม่ เวลามีงานบวชงานแต่งทีก็จะมีการผัดหมี่นี้จึงเป็นอาหารประจำงานต่างๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งผัดหมี่โบราณนั้นเริ่มตั้งแต่นำเส้นหมี่ไปผัดกับน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาที่ปรุงไว้ จากนั้นนำซอสแดง หรือซอสมะเขือเทศที่มีกลิ่นหอมมะเขือเทศมีรสชาติหวานและเปรี้ยว เข้มข้นด้วยเนื้อมะเขือเทศสีแดงสด นำไปผัดให้เส้นนั้นนุ่มตามด้วย ถั่วงอก และต้นหอมจากนั้นก็ตักใส่จาน นำไข่เป็ดลงไปเจียวจากนั้นก็หั่นโรยหน้า ซึ่งผัดหมี่นั้นได้ชื่อเรียกอีกอย่างว่าผัดหมี่ประจำตำบลเวลามีงานเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ อีก 1 เมนูที่ไม่อยากให้พลาดลองรับประทาน คือ แกงคั่วหอยขม เป็นอีกหนึ่งของเมนูอาหารที่ใครมาก็ต้องมาลองหอยขมนั้นเก็บมาจากสระข้างบ้าน เครื่องแกงก็มีชะอม หน่อไม้สด เครื่องแกงผ่านการตำแบบละเอียด นำทั้งหมดลงในกระทะพร้อมกันแล้วใส่กะทิลงไปแล้วเคี่ยวให้สุก หอมกลิ่นชะอมดับกลิ่นคาวของหอยขมได้เป็นอย่างดี
...
ใครที่มานอนพักแล้วก็ต้องประทับใจในการเอาใจใส่พอตื่นมาในตอนเช้านั้นทางเจ้าของนั้นจะให้พนักงานนั้นหาบของรับประทานเล่นในยามเช้า มาบริการแบบฟรีๆ ให้กับผู้ที่มานอนกระท่อมทุกหลัง โดยในหาบนั้นจะมีมะม่วงน้ำปลาหวาน มะละกอสุก ขนมไทย เช่น ปุยฝ้ายและวุ้นมะพร้าว พร้อมกับเครื่องดื่มสุดพิเศษในขันมาแบบย้อนยุคก็ คือ น้ำดอกอัญชันกับมะนาว ซึ่งเรียกว่าตื่นมารับแสงอาทิตย์ของวันใหม่กันแล้วก็ได้ดื่มด่ำกับอาหารกันเลย พอตกเย็นนั้นก็รับประทานข้าวเย็นชมวิวทุ่งนากันแบบย้อนยุค ซึ่งภาชนะที่ใส่อาหารมานั้นตั้งใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศกลางทุ่งนาอีกด้วย ใครที่สนใจอยากไปพักและสัมผัสกับท้องทุ่งนาแห่งนี้สามารถโทรสอบถามจองที่พักที่เบอร์โทรศัพท์ 081-2695538