ผู้การปากน้ำลงดาบสั่งเด้ง 4 เสือโรงพักเมืองสมุทรปราการ เข้ากรุ ศปก.ภ.จ.สมุทรปราการ สังเวยเหตุปล้นบ่อน “อาจ๋อง” ระบุเป็นบ่อนวิ่งเปิดมาได้ 2 วัน ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” แฉซ้ำได้ส่งทีมสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่พบว่ามีเหตุปล้นบ่อนจริง มีการยิงต่อสู้ คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต การ์ดบ่อนบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุมีการทำลายภาพกล้องวงจรปิดเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ทีมสืบสวนสอบสวนตามภาพมาได้เป็นหลักฐานสำคัญ ยืนยันรู้ตัวคนร้ายทั้งหมดแล้ว รวมทั้งนักพนัน จวก ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ปกปิดเหตุการณ์

เด้งแล้ว 4 เสือโรงพักเมืองสมุทรปราการเซ่นกระแสข่าวเขย่าวงการสีกากี มีคนร้าย 8 คนบุกปล้นบ่อน “อาจ๋อง” ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ย. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย แต่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้รับแจ้งเหตุ ตรวจสอบโรงพยาบาลและคลินิกไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอาวุธปืน และยังพาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจร้านอาหารในซอยอนามัยบางปิ้่ง ที่ถูกพาดพิง โดยเจ้าของร้านยืนยันว่าเป็นเรื่องลูกค้าในร้านเขม่นแล้วยิงข่มขู่กันเท่านั้น ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาย้ำว่าตรวจสอบแล้วมีบ่อนและมีเหตุปล้นบ่อนจริง ล่าสุด ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ เซ็นคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมเด้ง 4 เสือเข้ากรุแล้ว

ความคืบหน้าตอนสายวันที่ 12 พ.ย. พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่าได้ลงนามคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 498/2565 ลงวันที่ 11 พ.ย. ให้ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.ท.นาคพันธ์ โพธา รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ยอดรัก กิตติลัภนะรัตน์ สว.สส. และ พ.ต.ท.วรสุวัฒน์ ทวีรัชตโภคิน สว. (สอบสวน) ปฏิบัติหน้าที่ สวป.สภ.เมืองสมุทรปราการ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ (ศปก.ภ.จ.สมุทรปราการ) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวระบุเหตุผลโดยสรุปว่า ตามคำสั่งตำรวจสมุทรปราการที่ 4/97/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีการเสนอข่าว

...

มีชายฉกรรจ์ 8 คน ควงปืนบุกปล้นบ่อนการพนันชื่อบ่อน “อาจ๋อง” ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองสมุทรปราการ คนร้ายถูกยิงบาดเจ็บ 1 คน และเสียชีวิต 1 คน มีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ บกพร่องต่อหน้าที่ เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้นายตำรวจทั้ง 4 นายไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.จ.สมุทรปราการ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จ.สมุทร ปราการ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า สถานที่ดังกล่าวลักลอบเปิดบ่อนการพนันจริง เป็นลักษณะบ่อนวิ่ง เข้ามาเปิดได้ 2 วัน จนคืนวันที่ 9 พ.ย.เกิดเหตุการปล้นบ่อนตามที่เป็นข่าว แต่ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

รายงานแจ้งว่าในส่วนของ พ.ต.ท.อำนาจ ราชสีห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ที่รอดพ้นคำสั่งเด้งเข้ากรุครั้งนี้ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงลาราชการ

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยเรื่องเดียวกันว่า ได้สอบถาม ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยอมรับว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริง ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้วและรายงานเสนอ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้มีคำสั่งให้

ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการไปช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยก่อนหน้าได้ส่งทีมสืบสวนสอบสวนเข้าไปในที่เกิดเหตุพบว่ามีเหตุคนร้าย 8 คนบุกเข้าไปปล้นในบ่อนพนันและยิงต่อสู้ คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตและการ์ดในบ่อนได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุช่วง 19.00 น. เพื่อให้ได้พยานหลักฐานคราบเลือด พบว่าวันเกิดเหตุมีการใช้ปืน 2 กระบอก ขณะนี้รู้ตัวคนร้ายทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างขยายผลมีใครเกี่ยวข้อง ได้สั่งให้จับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมด ในวันเกิดเหตุมีความพยายามทำลายภาพกล้องวงจรปิดเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ชุดสืบสวนติดตามหาภาพกล้องวงจรปิดได้แล้ว เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกคดีออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ส่วนที่สองใครเป็นนักเล่นอยู่ในวันเกิดเหตุบ้าง จากการตรวจสอบพบว่า เป็นบ่อนวิ่ง มีการเล่นพนันจริง และมีการก่อเหตุปล้นบ่อนและมีคนถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ ผกก.ได้ปกปิดเหตุการณ์ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต้องรับผิดชอบ ซึ่ง ผบ.ตร.ให้ ผบช.ภ.1 ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ไม่มีการปกป้อง ขอเตือนตำรวจอย่าทำแบบนี้ เพราะสุดท้ายความจริงต้องปรากฏออกมา หากกลัวความผิดอย่าปล่อยให้มีสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องบ่อน สถานบริการที่ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และ ผบ.ตร.