กรมศิลปากร และกำลังทหารจาก มทบ.ที่ 18 ร่วมกันติดตั้งเขื่อนกั้นน้ำระบบน็อกดาวน์ เพื่อป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ขณะที่ วันนี้ ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่วัดไชยวัฒนารามยังต่ำกว่าตลิ่ง
สถานการณ์น้ำที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขื่อนเจ้าพระยา ยังคงระบายน้ำลงท้ายเขื่อน ที่ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เริ่ม ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยรวมถึงคลองสาขาต่างๆ ที่รับน้ำจากแม่น้ำพระยา มีระดับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้พื้นที่อยู่นอกแนวคันกันน้ำ และเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำใน อำเภอเสนา อำเภอบางบาง อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน น้ำล้นตลิ่ง ขยายวงกว้างมากขึ้น
วานนี้ (16 ส.ค.65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจ ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.หัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฝั่งวัดสุวรรณ พบว่าระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านเก็บของหนีน้ำไว้ที่สูง เพื่อเตรียมรับมือน้ำที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
...
ขณะเดียวกันที่โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโบราณสถานที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงขึ้น เหลืออีกประมาณ 50 เซนติเมตร จะเสมอเท่ากับพื้นของโบราณสถาน
พลตรีคณธัช มากท้วม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ จำนวน 100 นาย ระดมกำลังเข้ามาเสริมช่วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เร่งติดตั้งเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ระบบน็อกดาวน์ ระยะทางยาว 130 เมตร สูง 2 เมตร ตลอดรวมระยะทางยาวกว่า 130 เมตร ป้องกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่ง
นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จึงได้ติดตั้งแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ไว้ก่อน จากกข้อมูลของ กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วปริมาณน้ำยังไม่มากนักในช่วงนี้หากไม่มีฝนตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยาไปมากกว่านี้ สำหรับโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นักท่องเที่ยวยังคงมาเที่ยวได้ตามปกติ
...
ส่วนวันนี้ (17 ส.ค.65) นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจดูระดับน้ำบริเวณ วัดไชยวัฒนาราม ตำบลบ้านป้อม พบว่าระดับน้ำ ยังต่ำกว่าตลิ่ง และมีการติดตั้งคันกั้นน้ำจัดเตรียมกระสอบทราย และเครื่องสูบน้ำของ ปภ. เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์น้ำแล้ว.