ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ พาคณะสื่อ เยี่ยมชมอาคาร SAT-1 มั่นใจเปิดให้บริการทันกำหนดการภายในปี 2565 ขณะที่ การเดินทางช่วงวันหยุดยาว อาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ปี 65 แนะให้เผื่อเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เป็นประธานต้อนรับ พร้อมด้วย นายอัษฎางค์ ขำคมกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 2) นายสุทัศน์ สุวรรณผ่องใส รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการพาณิชย์ นายสืบพงษ์ คำโฮงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมก่อสร้าง 8 สำนักงานบริหารโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาวฐิติพรญ์ เศรษฐลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ และมวลชนสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร ทสภ.ร่วมต้อนรับคณะสื่อมวลชนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมกิจกรรม Press Visit เยี่ยมชมอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1 )

นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า ตามกำหนดการเดิมที่วางไว้คาดว่า จะเปิดทำการได้ในปี 2565 นั้นจะสามารถเปิดทันกำหนดการได้แน่นอน ขณะนี้ อยู่ระหว่างตรวจเช็กและทดลองระบบต่างๆ ให้มีความพร้อมทั้งหมดโดย อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Midfield Satellite) เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีงบประมาณ 2554-2560 วงเงินลงทุน 62,503.214 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร จากเดิม 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี บรรเทาความแออัดของผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

...

ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เพื่อรองรับหลุมจอดอากาศยาน จำนวน 28 หลุมจอด โดยทั้งหมดเป็นหลุมจอดประชิดอาคารสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดย 8 หลุมจอดสำหรับรองรับอากาศยาน ขนาด Code F (เช่น แอร์บัส A380 และ โบอิ้ง 747-8 เป็นต้น) และ 20 หลุมจอด สำหรับรองรับอากาศยาน ขนาด Code E (เช่น โบอิ้ง 747-400 และ แอร์บัส A340 เป็นต้น) พร้อมก่อสร้างระบบทางขับเพื่อเข้าสู่ลานจอดรวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมพื้นที่ประมาณ 960,000 ตารางเมตร

นายกิตติพงศ์ กล่าวถึงการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ในเดือนกรกฎาคม 2565 มีวันหยุดยาววันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกัน 5 วัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) คาดการณ์ว่าในช่วงวันดังกล่าวจะมีผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศใช้บริการ ทสภ. เป็นจำนวนมากเฉลี่ยวันละ 90,000 คน และมีเที่ยวบินโดยสารเฉลี่ยวันละ 580 เที่ยวบิน ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ทสภ. ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ตลอดจนความพร้อมของบุคลากรด้านการให้บริการ

...

ทาง ทสภ.ได้ประสานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ (Airline Operators Committee : AOC) ให้ทุกสายการบินและผู้ให้บริการภาคพื้นมีความพร้อมให้บริการและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานในส่วนของผู้โดยสารขาออก ทสภ. ได้เปิดใช้งานเคาน์เตอร์เช็กอินรองรับการให้บริการของสายการบินครบทั้ง 318 เคาน์เตอร์ รวมทั้งมีระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service หรือ CUSS) จำนวน 196 เครื่อง และระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag-Drop: CUBD) จำนวน 42 เครื่อง ซึ่งปัจจุบันหลายสายการบินเริ่มใช้งานระบบดังกล่าวแล้วเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วและลดระยะเวลาการรอคิวเข้าเช็กอิน

...

นอกจากนี้ ยังได้จัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในจุดต่างๆ ให้พอเพียง อาทิ เจ้าหน้าที่จราจรพนักงานให้บริการรถเข็นกระเป๋า เจ้าหน้าที่จุดตรวจค้นสัมภาระ เจ้าหน้าที่ Airport Ambassador ฯลฯ ให้เพียงพอกับการให้บริการในช่วงผู้โดยสารคับคั่ง ในส่วนของศักยภาพการตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทสภ. ได้เปิดใช้งานจุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าระหว่างประเทศโซน 3 ซึ่งได้ปรับปรุงใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ในส่วนการอำนวยความสะดวกด้านบริการรถสาธารณะ ทสภ. ได้มีการประสานผู้ประกอบการ อาทิ รถแท็กซี่ รถลีมูซีน รถบัส เพื่อเตรียมรถให้พร้อมเข้ามาให้บริการแก่ผู้โดยสารในช่วงดังกล่าวให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น และหากผู้โดยสารต้องการนำรถมาจอด ทสภ. มีอาคารและลานจอดรถรองรับที่เพียงพอ รวมที่จอดรถกว่า 8,000 ช่องจอด สามารถจอดได้ที่ อาคารจอดรถ โซน 2 โซน 3 ลานจอดรถโซน 4-7 และลานจอดรถระยะยาวโซน A รวมถึงยังได้เปิดลานจอดรถระยะยาวโซน C ให้ผู้ใช้บริการได้จอดรถฟรีระหว่างวันที่ 12-18 กรกฎาคม 2565 พร้อมกับมีรถเวียนภายในวิ่งให้บริการระหว่างอาคารผู้โดยสารกับลานจอดรถทุกโซน ทุก 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง

...

ส่วนของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทสภ. ได้เพิ่มรอบทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสภายในพื้นที่อาคารผู้โดยสารอย่างสม่ำเสมอจัดให้มีบริการแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อภายในอาคารผู้โดยสารอย่างเพียงพอ รวมทั้งยังคงเน้นย้ำให้ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงเว้นระยะห่างเมื่อใช้บริการในอาคารผู้โดยสารด้วย

นายกิตติพงศ์ กล่าวด้วยว่า ทสภ. ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ หน่วยงานราชการ สายการบิน ผู้ประกอบการ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้บริการ ณ ทสภ. เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง และเที่ยวบินภายในประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง.